วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มหาอาณาจักรขององค์กรอิสระ...โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 20:54:40 น.  มติชนออนไลน์

มหาอาณาจักรขององค์กรอิสระ...โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้รับเชิญจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ฉบับที่ 3) พ.ศ...สภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ก่อนที่จะเข้าพิจารณาในวาระ 2 ต่อไป


ในการอภิปรายได้เสนอว่า ในการแก้ไขกฎหมายนั้นไม่ควรดูเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เท่านั้น
 

แต่ต้องดูกฎหมายองค์กรอื่นด้วย เช่น คณะกรรมการการเลือกตั่ง(กกต.)  คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างระบบ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบผู้มีอำนาจทางการเมืองได้ เช่น เงินบริจาคให้แก่พรรคการเมืองของ ส.ส.หรือรัฐมนตรีนั้น ต้องนำมาตรวจสอบกับบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นไว้แก่ ป.ป.ช.ด้วย


ในการจัดตั้งองค์กรอิสระนั้น ผู้ร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 พยายามออกแบบให้แต่ละองค์กรทำหน้าที่สอดประสานกันอย่างเป็นระบบ เช่น ในการกลั่นกรองนักการเมืองเข้าสู่อำนาจเป็นหน้าที่ของ กกต. 


เมื่อเข้าสู่อำนาจแล้ว เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.และ คตง.รวมถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในการตรวจสอบว่า มีการใช้อำนาจในการทุจริตหรือไม่


นอกจากนั้นยังมีศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา(ปัจจุบันเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน)ตรวจสอบว่า มีการใช้อำนาจเป็นไปตามกฎหมายหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่


แต่ปรากฏว่า ทุกอย่างไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ แต่ละองค์กรต่างสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร เช่น กกต. มี กกต.จังหวัด กตต.เขต รวบอำนาจเบ็ดเสร็จทุกอย่างมาไว้ในมือ แต่การทำงานกลับไร้ประสิทธิภาพ


เช่นเดียวกับ ป.ป.ช.มีอำนาจสอบตั้งแต่ภารโรงยันนายกรัฐมนตรี จนคดีคั่งค้างนับหมื่นคดี จำนวนมากที่ค้างนานนับสิบปี


ศาลรัฐธรรมนูญในระยะแรกหลักการในวินิจฉัยชี้ขาดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาและถูกการเมืองแทรกแซงอย่างหนักโดยเฉพาะคดีซุกหุ้นของพ.ต.ทักษิณ ชินวัตร


สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แทนที่จะเล่นบทของผู้ตรวจสอบบัญชีและกำกับหน่วยงานของรัฐให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กลับเล่นบทบาทการปราบปรามการทุจริตแข่งกับองค์กรอื่น


หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549  มีการนำการทุจริตของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นข้ออ้างในการขยายอำนาจขององค์กรอิสระและสร้างกลไกใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีก


หนึ่ง ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแต่งตั้ง"ผู้ไต่สวนอิสระ"ขึ้นมาไต่สวนการทุจริตของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานสภาฯ และประธานวุฒิสภากรณีผู้เสียหายไม่ไว้วางใจ ป.ป.ช.หรือกรณี ป.ป.ช.ไม่ยอมรับเรื่องที่ยื่นร้องไว้ไต่สวน


การแต่งตั้ง"ผู้ไต่สวนอิสระ"มาทำหน้าที่ดังกล่าว เท่ากับการขยายอำนาจของศาลฎีกา ให้มีอำนาจ(ทางอ้อม)ลงไปถึงพนักงานสอบสวนหรือทับซ้อนกับ ป.ป.ช. ทั้งๆมีคดีที่ค้างอยู่ในศาลฎีกากว่า 30,000 คดี  คดีจำนวนมากค้างนานเกิน 10 ปีที่ยังไม่มีหนทางสะสางให้หมดได้


สอง เพิ่มอำนาจให้ผู้ตรวจการแผ่นดินควบคุมดูแลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองและกรรมการองค์กรอิสระ ทั้งๆที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินไม่เคยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
ขณะเดียวกันผู้ตรวจการแผ่นดิน 2 ใน 3 คนมีปัญหาถูก ป.ป.ช.ลงมติว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการขึ้นเงินเดือนตัวเอง แต่กลับนั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วจะไปตรวจสอบจริยธรรมผู้อื่นได้อย่างไร


สาม ให้มีการแต่งตั้ง ป.ป.ช.จังหวัด เป็นการขยายอาณาจักรของ ป.ป.ช.ทั้งๆที่ทุกวันนี้ ป.ป.ช.ยังมีปัญหาการบริหารภายในมากมาย ระบบสารสนเทศและการเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนยังไร้ประสิทธิภาพ มีคดีค้างเป็นจำนวนมาก


และถ้าดูบทเรียนจาก กกต.แล้ว เกรงว่า ผู้ที่จะมาเป็น ป.ป.ช.จังหวัด นอกจากข้าราชการเกษียณแล้ว อาจเต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นที่ต้องการฟอกตัวเอง


สี่  ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน มีการเพิ่มอำนาจให้ คตง.อย่างมากมายเทียบเท่ากับ ป.ป.ช.ทั้งในการดำเนินคดีอาญาและลงโทษทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ภารโรงยันนายกรัฐมนตรี


ห้า ยกสถานะของอัยการให้เป็นองค์กรที่มีความอิสระจากฝ่ายบริหารอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกับตุลาการ แต่ไม่ยอมทิ้งผลประโยชน์ในการเป็นกรรมการของรัฐวิสาหกิจ


การสร้างกลไกใหม่และเพิ่มอำนาจให้แก่องค์กรอิสระเหล่านี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่มักง่ายเพราะไม่ต้องย้อนกลับไปสะสางองค์กรเก่าที่มีปัญหาหมักหมมมานาน ทั้งๆที่เป็นองค์กรพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเหมือนกับการซุกขยะไว้ใต้พรม


ดังนั้น นอกจากการปฏิรูประบบข้อมูลข่าวสารให้สาธารณชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกันแล้ว จะต้องปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการและศาลอย่างเร่งด่วน


มิเช่นนั้นจะมานั่งฝันหวานว่า  เมื่อขยายมหาอาณาจักรให้องค์กรอิสระเหล่านี้แล้ว จะแก้ไขปัญหาทุจริตได้
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น