วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พริกไทยเครื่องยาไทยรสเผ็ดร้อน ไล่ลม ลดไขมัน รักษากระเพาะ และต้านอนุมูลอิสระ

พริกไทยเครื่องยาไทยรสเผ็ดร้อน ไล่ลม ลดไขมัน รักษากระเพาะ และต้านอนุมูลอิสระ

 พริกไทย เป็นพืชทางด้านอาหารและยาที่มีการใช้ประโยชน์มาช้านาน เป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่มีอิทธิพลต่อการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจต่างๆ ในยุคล่าอาณานิคม จนเป็นชนวนเหตุให้ประเทศที่มีการปลูกพืชเครื่องเทศทั้งหลายถูกล่าเป็นเมืองขึ้นมาแล้ว พริกไทยเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดแถบอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยมีพื้นที่การเพาะปลูกมากที่จังหวัดจันทบุรี และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย

     คนไทยรู้จักใช้พริกไทยมาประกอบอาหาร ที่สำคัญยังนำไปเข้าเครื่องยาไทยและทำเป็นยารักษาโรคอีกหลายตำรับ พริกไทยนั้นมีรสเผ็ดร้อน เหมาะกับคนธาตุลมที่เกิดในเดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน ที่มีจุดอ่อนทางสุขภาพเจ็บป่วยง่ายในฤดูฝน เป็นช่วงที่ความร้อนกับลมกระทบกัน จึงมีผลต่อคนธาตุลมให้เจ็บป่วยได้ง่ายกว่าคนธาตุอื่นๆ หมอแผนไทยมีตำรับยาแต่งรักษาเป็นยาปรับธาตุตามฤดูกาล คือ ตรีผลา ยาประจำฤดูร้อน, ตรีสาร ยาประจำฤดูหนาว และตรีกฏุก ยาประจำฤดูฝน ประกอบด้วย เหง้าขิงแห้ง เมล็ดพริกไทย ดอกดีปลี ตัวยาทั้งสามชนิดมีฤทธิ์เด่นทางขับลม ช่วยปรับธาตุลมที่อยู่ในภาวะหย่อน กำเริบหรือพิการให้สมดุล ลดอาการเจ็บป่วยของบุคคลนั้น

     สรรพคุณของพริกในตำรับยาโปราณระบุไว้ว่า ดอกพริกไทย ใช้แก้ตาแดงเนื่องจากความดันโลหิตสูง เมล็ดพริกไทยใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร ย่อยพิษตกค้างที่ไม่สามารถย่อยได้ ใช้ขับเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด แก้ปวดท้อง ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้มุตกิด (ระดูขาว) แก้ลมอัมพฤกษ์ นอกจากนี้ ในเมล็ดพริกไทยยังมีสารสำคัญซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็ง และมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ใบพริกไทยใช้แก้ลม จุกเสียด แก้ปวดมวนท้อง เถาใช้แก้อุระเสมหะ แก้ลมพรรดึก แก้อติสาร (โรคลงแดง) รากพริกไทย ใช้ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง แก้ลมวิงเวียน และช่วยย่อยอาหาร ที่สำคัญยังเป็นหนึ่งในยาที่มักนิยมนำไปเข้าเครื่องยาอายุวัฒนะด้วย

     พริกไทยที่เราใช้ประโยชน์ในปัจจุบันมีอยู่ 3 แบบ คือ พริกไทยสด พริกไทยดำ และพริกไทยล่อน เคยมีคนจำนวนมากสับสนระหว่างพริกไทยดำและพริกไทยล่อน คิดว่าเป็นชนิดหรือสายพันธุ์ของพริกไทย เพราะในตำรายาบางตำรับจะใช้พริกไทยล่อน บางตำรับจะใช้พริกไทยดำ ซึ่งทั้งสองชนิดก็คือพริกไทยสดที่นำมาแปรรูปเพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ พริกไทยดำคือการนำเอาพริกไทยสดมาตากให้แห้งให้ผิวเหี่ยวย่นจนกลายเป็นสีดำ ส่วนพริกไทยล่อนทำโดยเก็บช่อพริกไทยแก่มาตากแดดเล็กน้อย แล้วนำไปนวดเพื่อแยกเมล็ดออก ใส่กระสอบแช่น้ำ 7-14 วัน แล้วจึงนำเข้าเครื่องนวด ขัดผิวให้หลุดเหลือแต่เมล็ดใน แต่สารสำคัญต่างๆ ของพริกไทยจะอยู่ในพริกไทยดำมากกว่าพริกไทยล่อน

     ตำรับยาโบราณที่ใช้พริกไทยเข้ายามีหลายตำรับ อาทิ ยาแก้ผอมแห้งแรงน้อย เอาข้าวสารคั่วเกลือทะเล พริกไทยล่อน เอาอย่างละเท่าๆ กันบดผงปั้นกับน้ำผึ้ง เม็ดเท่าเมล็ดพุทรา กินครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น และก่อนนอน แก้ผอมแห้งแรงน้อย สุขภาพอนามัยดี ภายในเวลาไม่เกิน 3 เดือน แก้ไข้เรื้อรัง มีไข้ต่างๆ ตลอดเวลาไม่ยอมหาย ให้เอาใบกะเพราแห้ง ใบบัวบกแห้ง พริกไทยดำ สิ่งละเท่าๆ กัน บดเป็นผงปั้นเป็นเม็ดเท่าไข่จิ้งจก กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น กระดูกหัก ใช้เปลือกต้นของสบู่ขาว ร่วมกับต้นส้มกบ และพริกไทย 5 เม็ด ตำผสมเหล้าขาวแล้วผัดให้อุ่น พอกให้หนา แล้วใช้ไม้พันผ้าให้แน่น ยากินให้ผิวสวยเสมอ เอาขมิ้นอ้อย กระชาย แห้วหมู พริกไทย ทุบๆ แล้วดองด้วยน้ำผึ้ง กินก่อนนอนทุกวัน ผิวท่านจะสวยเสมอ

     ตะขาบกัด ใช้ผงพริกไทยโรยบริเวณแผล ปวดฟัน ใช้พริกไทย พริกหาง บดเป็นผง ผสมยาขี้ผึ้งปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ใช้อุดฟันที่ปวด ท้องอืดอาหารไม่ย่อย ใช้พริกไทยแช่ในน้ำส้มสายชูทิ้งไว้นานสัก 2 ชั่วโมง นำไปตากแห้งแล้วนำกลับมาบดเป็นผงให้ละเอียด ผสมกับน้ำส้มสายชูที่ใช้แช่นั้น แล้วปั้นเป็นเม็ดใช้รักษา รักษาอาการเมื่อยขบ เป็นเหน็บชาง่ายในฤดูหนาวหรือฤดูฝน โดยใช้ไข่ไก่ น้ำกะทิ และพริกไทย ตีให้เข้ากันแล้วตุ๋นให้สุก และนำพริกไทยล่อนเข้าเครื่องยากับเปลือกไข่ไก่ นำไปผิงไฟให้เหลืองแล้วบดเป็นผงละเอียดผสมกับน้ำต้มสุก ใช้รักษาอาการชักจากการขาดแคลเซียม

     ในยุคที่น้ำมันหอมระเหยเข้ามามีบทบาทในวงการสุขภาพมาก ยังพบว่าพริกไทยได้ถูกนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหย หรือที่เรียกว่า black pepper oil ที่สกัดจากพริกไทยดำ มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก กระตุ้นกำหนัด ต้านพิษ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท รักษาโรคกระเพาะ

     ปัจจุบันมีงานศึกษาวิจัยในการใช้ประโยชน์อื่นๆ ของพริกไทยอย่างน่าสนใจ โดยส่วนหนึ่งของงานวิจัยก็เป็นการยืนยันสรรพคุณของการใช้มาตั้งแต่โบราณ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดทางนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น งานวิจัยที่พบว่าพริกไทยมีสารต้านการก่อมะเร็ง ช่วยเร่งการทำงานของตับให้ทำลายสารพิษได้มากขึ้น ใช้น้ำมันหอมระเหยรักษาผู้ติดบุหรี่ พบว่าช่วยลดความอยากและความหงุดหงิดลงได้ ที่น่าสนใจเป็นการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่พบว่าป้องกันโรคความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา และที่กำลังเป็นเงินเป็นทอง สร้างรายได้ให้กับผู้ค้าสมุนไพรไม่น้อยตอนนี้ คือการนำสารสกัดพริกไทยไปผลิตเป็นครีมหรือเจลลดความอ้วน ซึ่งเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ง่าย และอาจมีการนำไปปรุงแต่งเข้าเครื่องยากับสมุนไพรอื่นๆ ที่มีสรรพคุณคล้ายคลึงกันเพื่อเสริมฤทธิ์การลดไขมัน ก็นับว่าเป็นก้าวย่างของการแปรรูปผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่าอย่างน่าสนใจ.

 
http://www.thaipost.net/tabloid/140609/6178


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น