แม้มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552 จะได้อนุมัติให้ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 จากเดิมที่กำหนดไว้ 4.0 ล้านตันเพิ่มอีกจำนวน 2.0 ล้านตัน รวมเป็น 6.0 ล้านตัน
แต่ดูเหมือนว่ามาตรการดังกล่าว ชาวนาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ เพราะโครงการรับจำนำข้าวก็ยังอยู่บนการจัดสรรผลประโยชน์ระหว่างนักการเมืองกับโรงสี โดยมีกลไกรัฐคอยเอื้อประโยชน์อยู่เช่นเดิม
หลายครั้งหลายคราวที่ชาวนาเดือดร้อนเพราะปัญหาขายข้าวไม่ได้ราคา ถูกนายทุนเอาเปรียบ ต้องออกมาชุมนุมเดินขบวนปิดถนนในหลายพื้นที่ แต่ประโยชน์ที่จะได้รับจากการแก้ปัญหากลับไม่ถึงชาวนา
การแก้ไขปัญหาบนโต๊ะเจรจา โดยมีนักการเมืองนั่งเป็นประธาน ข้าราชการคอยป้อนข้อมูล ข้อเสนอของเกษตรกรมักจะถูกบิดเบือนและจบลงอย่างเจ็บปวด ด้วยเล่ห์กลของนักการเมืองทุกครั้งไป
ปัญหาการขาดทุนของเกษตรกรที่มาจากนโยบายการส่งเสริมการเกษตรของภาครัฐและทุน ย่อมนำไปสู่การเป็นหนี้ การสูญเสียที่ดิน สูญเสียอำนาจอธิปไตยในการกำหนดวิถีการผลิตของตนเองและชุมชน
นี่คือชะตากรรมของเกษตรกรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนักการเมือง ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ชาวนาอันเป็นสันหลังของชาติก็ถูกเอารัดเอาเปรียบตลอดเวลา
ปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ไม่สะท้อนถึงต้นทุนการผลิตและราคาที่เป็นธรรมที่แท้จริง คือผลพวงความล้มเหลวของทุกรัฐบาลที่ไม่จัดการกับกลไกเศรษฐกิจที่บิดเบือนและกระบวนการทุจริตคอรัปชั่น
จากการศึกษาพบว่าความผิดพลาดของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา คือการดึงอำนาจของเกษตรกรไปสู่มือนายทุนและทำลายศักยภาพการผลิตที่หลากหลายของชุมชน บนความผิดพลาดอย่างน้อย 5 ประการคือ
1.ความผิดพลาดจากนโยบายการส่งออกที่เชื่อว่าจะเป็นการสร้างรายได้หลักให้ประเทศ
2.การใช้ได้เปรียบเป็นต้นแบบในการแข่งขันทางการค้าด้วยการผูกขาดบนข้ออ้างการค้าเสรี
3.ความผิดพลาดจากการใช้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้
4.ความผิดพลาดของนโยบายเกษตรอุตสาหกรรมที่สร้างภารหนี้สินและทำลายสภาพแวดล้อม
5.ความผิดพลาดที่รัฐทำให้เกษตรกรขาดทุนเพราะขาดอำนาจทั้งด้านการผลิตและการตลาด
ดังนั้น การนิ่งเฉยไม่จัดการกับการทุจริตคอรัปชั่น ก็เท่ากับรัฐบาลสมยอมกับนายทุนชั่ว เพื่อเอาเปรียบประชาชน หากินกับส่วนต่างที่ชาวนาควรได้ผลประโยชน์บนหยาดเหงื่อและแรงกายของตนเอง
อีกทั้งยังจะเห็นได้ว่านโยบายทั้งหมดของนักการเมืองในปัจจุบันนี้ ทุกอย่างคือการต่อรองบนประโยชน์ของพวกพ้อง โดยอ้างเอาความทุกข์ยากของประชาชนเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์
แม้กระทั่งนโยบายการการจัดที่ดินเพื่อคนจน โครงการโฉนดชุมชนและธนาคารที่ดินของรัฐบาลก็ถูกต่อรองด้วยโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่ใส่ใจปัญหาความเดือดร้อนสาหัสของชาวนาไร้ที่ดิน
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ชาวนาเกษตรกรทุกภาคส่วนจะต้องวิเคราะห์ปัญหาที่ตนเองถูกเอาเปรียบ ข้ามพ้นความเป็นประชาชนของนักการเมืองที่ถูกแยกส่วนให้เป็นพลเมืองในสังกัดถูกตกเขียวทางสินค้า
เบื้องต้นเราจะต้องร่วมกันเรียกร้องให้รัฐแก้ไขแก้ปัญหาด้านการเกษตรในประเด็นพื้นฐาน ดังนี้
1.ปลดพันธนาการของภาคเกษตรกรรม อันเนื่องจากการเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก อาทิ ข้อตกลงทางการเกษตร, ข้อตกลงว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
1.1 มีนโยบายปกป้องคุ้มครองที่ชัดเจนต่อพืชที่เป็น "พืชความมั่นคงทางอาหาร" ของประเทศ
1.2 สร้างกลไกการป้องกันอธิปไตยทางอาหาร โดยให้มีตัวแทนเกษตรกรเป็นคณะกรรมการร่วมในการนำเข้าพืชผล ร่วมกันวิเคราะห์และวางแผนโดยใช้ผลผลิตที่อยู่ภายในประเทศเป็นฐานการผลิตหลัก
2.รัฐต้องให้การสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรของเกษตรกร โดยเน้นที่การมีส่วนร่วมอย่างถึงที่สุดของเกษตรกร โดยเฉพาะในกระบวนการตัดสินใจ ต้องปลอดจากการแทรกแซงและครอบงำทุกระดับขั้น
2.1 เร่งจัดทำกฎหมายรับรองสิทธิ อำนาจ และหน้าที่ของสภาการเกษตรแห่งชาติโดยเร่งด่วน
2.2 ทบทวนกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับองค์กรเกษตรกร โดยปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกกฎหมายนั้นๆ ถ้าเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานอย่างอิสระและความมั่นคงขององค์กรเกษตรกร
2.3 สนับสนุนงบประมาณในการก่อตั้งและบริหารงานขององค์กรเกษตรกรอย่างเต็มที่
2.4 สนับสนุนงบประมาณในการวิจัยเพื่อพัฒนายกระดับสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรเกษตรกร
3.รัฐบาลต้องกำหนดมาตรการในการปกป้องและอุดหนุนคุ้มครองเกษตรกรที่สัมฤทธิ์ผล ในทางปฏิบัติ เพื่อความมั่นคงของเกษตรกร เช่น ออกกฎหมายประกันรายได้เกษตรกร โดยมีมาตรการต่างๆ
3.1 ควบคุมราคาสินค้าต้นทุนการผลิตทางการเกษตร เช่น ปุ๋ย, สารกำจัดศัตรูพืช, เมล็ดพันธุ์ น้ำมัน
4.รัฐจะต้องทบทวนนโยบายทางการเกษตรที่กำลังดำเนินการอยู่ และจะดำเนินการในอนาคต โดยเปิดให้เกษตรกรได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบที่มีต่อเกษตรกรและให้ความเห็นแก่นโยบายนั้นๆ ก่อน
ถึงเวลาแล้วที่เกษตรกรต้องต่อรองกับอำนาจรัฐและนักการเมืองที่ฉ้อฉล สร้างอำนาจประชาชนที่เป็นจริงด้วยตนเอง อันจะนำไปสู่การปลดปล่อยพันธนาการออกจากนักการเมืองและนายทุนฉ้อโกง
นี่คือภารกิจทางประวัติศาสตร์ของประชาชน ประวัติศาสตร์ที่ประชาชนต้องลุกขึ้นสร้างด้วยมือของประชาชน ลุกขึ้นมาสร้างการเมืองใหม่ ประชาธิปไตยใหม่ สังคมใหม่ บนผืนดินแผ่นสุดท้ายของเรา.
http://www.thaipost.net/tabloid/140609/6181
Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!
บ้านอนุรักษ์ธรรมชาติ
-
แม้ว่าสภาวะโลกร้อนจะเป็นวิกฤตการณ์ที่ทวีความร้ายแรงขึ้นทุกวัน
แต่เราทุกคนสามารถช่วยเหลือโลก เพื่อประหยัดพลังงานได้อย่างง่าย ๆ
ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แล...
16 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น