"ผู้หญิงต้องเสียสละ" ปัจจัยกระบวนการค้ามนุษย์โต
งานสัมมนาเรื่อง "การกลับบ้านและสร้างชีวิตใหม่ : ประเด็นท้าทายในการทำงานการค้ามนุษย์" จัดโดยมูลนิธิผู้หญิง เพื่อนำเสนอประสบการณ์การทำงานและสถานการณ์หญิงและเด็กที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ทั้งกรณีหญิงไทยที่ตกเป็นผู้เสียหายของการค้ามนุษย์ข้ามชาติ หรือหญิงและเด็กต่างชาติที่มาเป็นผู้เสียหายในประเทศไทย มาวิเคราะห์ปัจจัยปัญหาอุปสรรคในการทำงาน ตลอดจนพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนาแนวทางการช่วยเหลือกลับคืนถิ่น และการสร้างชีวิตใหม่ของหญิงและเด็กที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่มีประสิทธิภาพ
นางสาวมัทนา เชตมี ผู้ประสานงานโครงการมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า จากการสำรวจหญิงที่กลับมาจากต่างประเทศ ระหว่างเดือนกันยายน 2550-เดือนกุมภาพันธ์ 2552 รวม 18 เดือน พบว่า มีผู้เสียหายกลับจากต่างประเทศ 130 ราย ส่วนใหญ่ หรือ 44 ราย มีอายุ 25-30 ปี จบการศึกษามัธยมส่วนใหญ่ รวม 46 ราย
สำหรับประเทศปลายทางที่ถูกช่วยเหลือกลับมามากที่สุดอันดับ 1 คือ บาห์เรน คิดเป็นร้อยละ 40 รองลงมาคือ อิตาลี ร้อยละ 19 และญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 12 โดยผู้หญิงเหล่านี้จะถูกละเมิดสิทธิต่างๆ ถูกบังคับให้ทำศัลยกรรม ถูกบังคับข่มขืนและทำร้าย ถูกบังคับให้ทำแท้ง ให้เสพยาเสพติด ถูกกระทำวิตถารทางเพศ ถูกดุด่าเยี่ยงทาส และถูกละเมิดสิทธิแรงงาน ถูกผูกมัดหนี้สินไม่เป็นธรรม ไม่มีวันหยุด ปฏิเสธแขกไม่ได้ และเมื่อกลับมาที่ประเทศไทยแล้วส่วนใหญ่จะมีสภาพร่างกายและจิตใจย่ำแย่ จะติดเหล้าติดยาเจ็บป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศ เช่น เอชไอวี มะเร็ง และเกิดความพิการแปลกแยกจากการถูกบังคับทำศัลยกรรม
ด้านนางสาวปานจิตต์ แก้วสว่าง เจ้าหน้าที่มูลนิธิผู้หญิง รายงานผลการศึกษาการสร้างชีวิตใหม่ของหญิงและเด็กต่างชาติ กรณีศึกษาลาว กัมพูชา และพม่า โดยเยี่ยมครอบครัว สัมภาษณ์ผู้หญิง เด็ก และครอบครัว 25 กรณีศึกษา ประกอบด้วย ลาว 12 กรณี กัมพูชา 10 กรณี และพม่า 3 กรณี พบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้ กรณีศึกษาลาว 12 กรณี มีหญิงและเด็กย้ายถิ่นทำงานในลาว 5 ราย อาศัยอยู่กับครอบครัว 1 ราย แต่งงาน 3 ราย อบรมและศึกษาต่อ 2 ราย และกลับมาทำงานในไทย 1 ราย
กรณีศึกษากัมพูชา 10 กรณี มีหญิงและเด็กอาศัยอยู่กับครอบครัว 3 ราย แต่งงาน 3 ราย อบรมอาชีพและศึกษาต่อ 2 ราย และกลับมาทำงานในไทย 2 ราย และกรณีศึกษาพม่า 3 กรณี มีหญิงและเด็กอาศัยอยู่กับครอบครัว 2 ราย อบรมอาชีพและศึกษาต่อ 1 ราย โดยรายงานการศึกษาพบด้วยว่าความต้องการของหญิงและเด็กเหล่านี้ คือ อยากเรียนหนังสือ มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และเลือกที่จะแต่งงาน แต่สิ่งที่ต้องเผชิญเมื่อกลับไปบ้าน ได้แก่ สภาพครอบครัวที่คาดหวังให้เด็กและผู้หญิงแบกรับภาระ ปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้สินในครอบครัว
นางสาวปานจิตต์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นท้าทายหลายประการที่อาจเป็นปัจจัยให้เด็กและผู้หญิงเหล่านี้กลับไปสู่กระบวนการค้ามนุษย์ได้อีก ได้แก่ สภาพสังคมที่มีแนวคิดแบบชายเป็นใหญ่ที่มีมายาคติว่า ลูกผู้หญิงต้องเสียสละ ไม่ควรเรียนหนังสือ ต้องแบกรับภาระดูแลครอบครัวสามีและลูก การเมืองการปกครองที่ไม่เอื้อต่อการทำงานของภาคประชาชน จึงไม่สามารถป้องกันนักค้ามนุษย์ที่เข้ามาชักชวนหลอกลวงได้ สถานการณ์การย้ายถิ่นแรงงานในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง มีปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกัมพูชา พบว่าเป็นบริบทชุมชนที่ไม่ปลอดภัย มีนักค้ามนุษย์อยู่ในชุมชน ส่วนพม่า บริบทค่ายผู้ลี้ภัย พบว่าเด็กหญิงที่อยู่ในค่ายรอการส่งกลับหรือไปประเทศที่สาม จะมีนักค้ามนุษย์เข้าไปชักชวนและล่อลวงถึงในค่าย โดยบางรายให้เงินกับพ่อแม่เด็กและนำเด็กออกมาทำงานเยี่ยงทาส
รายงานการศึกษาฉบับนี้ยังมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
1.ควรให้ผู้หญิงและเด็กจากการค้ามนุษย์ได้สะท้อนความต้องการความช่วยเหลืออย่างยั่งยืน
2.ให้มีการติดตามช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กอย่างต่อเนื่องในทุกมิติสังคม และ
3.การส่งเสริมประสานความร่วมมือภาคประชาสังคมในประเทศต้นทางและปลายทาง.
Please visit my blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
See all the ways you can stay connected to friends and family
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น