วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

"สหพัฒน์"จวกรัฐบาลบริหารกลับหัว แจกเงินเกลี้ยงแล้วค่อยควั่กกู้ ปล่อยบาทแข็งปั๋งทำร้ายธุรกิจ



Please visit my blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
 
 
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11431 มติชนรายวัน


"สหพัฒน์"จวกรัฐบาลบริหารกลับหัว


แจกเงินเกลี้ยงแล้วค่อยควั่กกู้ ปล่อยบาทแข็งปั๋งทำร้ายธุรกิจ



เจ้าสัวสหพัฒน์วิพากษ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ ติงจัดลำดับการแก้ปัญหาไม่ถูกต้อง แนะต้องแก้บาทแข็งก่อน แล้วค่อยกู้เงินมาแจกคนจน ไม่ใช่กลับตาลปัตร แจกเงินจนเกลี้ยงแล้วค่อยควั่กหาเงินกู้ หวั่นจีดีพีฟื้นแค่ระยะสั้น ว้ากเคยฝาก "อภิสิทธิ์" ให้กดบาทเหลือ 38/ดอลล์ แต่ไร้ผล แถมบาทยังแข็งปั๋งขึ้นอีก 1%

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนตัวเห็นด้วยกับความพยายาม แต่ก็เห็นใจรัฐบาลเช่นกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีมาก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาทำงาน 2-3 ปี สิ่งที่รัฐบาลทำแล้วเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่งคือ การเรียงลำดับการแก้ปัญหาของประเทศ รัฐบาลควรจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยกู้เงิน และแจกจ่ายเงินให้กับประชาชนผู้ประกันตนซึ่งมีรายได้น้อย ซึ่งลำดับวิธีแบบนี้รัฐบาลกลับเลือกแจกเงินก่อน ทำให้เงินที่อยู่ในมือหมด แม้ขณะนี้ไทยจะยังไม่เจ๊ง แต่ก็ถือว่าอยู่ในช่วงลำบาก

"เชื่อว่าการกู้เงินจะทำให้ตัวเลขจีดีพีดีขึ้น แต่จะดีแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะไม่ได้สร้างกลไกที่ดีและไม่มีความมั่นคง ไม่นานจีดีพีก็จะกลับมาติดลบเหมือนเดิม นอกจากนี้ประเทศไทยเองไม่สามารถรู้ล่วงหน้าว่าต่างชาติจะฟื้นตัวเมื่อไหร่ย่อมส่งผลต่อจีดีพีเช่นกัน จากฝีมือของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่รู้จัก เร็ว ช้า หนัก เบา" นายบุณยสิทธิ์กล่าว

นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดเสมอว่าค่าเงินบาทเหมือนตาชั่ง ถ้าเที่ยงตรงผู้ขายสินค้าก็ได้กำไรดี แต่ถ้าไม่เที่ยงหรือผิดพลาดในทางลบ ผู้ขายก็จะเสียเปรียบและขาดทุนในที่สุด ช่วงเริ่มตั้งรัฐบาลตนเคยคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าค่าเงินบาทของประเทศควรอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ แต่ตอนนี้ก็ยังแข็งค่าอยู่ ซ้ำตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นไปอีก 1%

"ค่าเงินบาทที่แข็งค่านอกจากส่งผลต่อการค้าแล้วยังส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมด้วยซึ่งขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ใครก็ตามที่อยากให้ค่าเงินบาทแข็งลองทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมดูแล้วจะรู้ว่ามันหนักหนาแค่ไหน" นายบุณยสิทธิ์กล่าว

นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า การทูตของไทยยังจัดลำดับความสำคัญไม่ดีเช่นกัน เห็นได้จากการที่นายกฯอภิสิทธิ์เลือกเดินทางไปฮ่องกงก่อนจีน ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องการทูตเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับประเทศอำนาจเรียงลำดับลงไป คือจีน ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ เกาหลี และฮ่องกง ส่วนประเทศอาเซียนต้องไปอยู่แล้ว การไม่ให้ความสำคัญข้างต้นจะทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือ

นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับฝีมือการทำงานตลอด 6 เดือน ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นคนเก่งและมีความเหมาะสมโดยเฉพาะในสายตาของต่างชาติ แต่กระนั้นก็ถือว่ายังไม่เก่งมากพอ เพราะถ้าเก่งมากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะไม่มีบทสรุปจนกลายเป็นเรื่องน่าอับอายของประเทศ


หน้า 7
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01eco02270652&sectionid=0103&day=2009-06-27


 


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น