วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความโปร่งใสใน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11425 มติชนรายวัน


ความโปร่งใสใน อส.


คอลัมน์ เดินหน้าชน

โดย ชุติมา นุ่นมัน



หากจะเปรียบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประเทศไทย คงจะไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) เป็นเสมือนเมืองหลวง

และแม้ว่าศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการระดับอธิบดีทุกๆ กรมในกระทรวงแห่งนี้จะมีเท่าเทียมกันทุกประการ แต่ไม่มีใครปฏิเสธว่า การเป็นอธิบดี อส.นั้นดูจะโดดเด่นกว่ากรมใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากได้รับงบประมาณสูงสุดในกระทรวงแล้ว ยังมีอำนาจบริหารจัดการดูแลผลประโยชน์ในอุทยานฯและวนอุทยานฯทั่วประเทศรวม 262 แห่ง

ปีที่ผ่านมา อส.ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 8,318 บาท ส่วนปีนี้ 7,523 ล้านบาท (ยังไม่เข้ากรรมาธิการพิจารณา) แม้จะลดลงจากปีที่แล้ว แต่ยังเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณสูงสุดใน ทส.

จึงไม่น่าแปลกใจว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีกระทรวงแห่งนี้ ตำแหน่งอธิบดี อส.ก็จะสั่นคลอนทุกครั้งไป

แน่นอนว่า เจ้ากระทรวงหรือรัฐมนตรีย่อมต้องการให้เจ้ากรมแห่งนี้เป็น "เด็ก" ของตัวเอง นั่นเอง

ในรัฐบาลก่อนหน้านี้ อส.ระส่ำระสายอย่างหนัก เพราะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับหัวหน้าอุทยานฯจากเหนือลงใต้จากใต้ขึ้นเหนือ จากอุทยานทางบกไปอุทยานทางทะเล จากอุทยานทางทะเลไปอุทยานทางบก รวมทั้งย้ายอธิบดีน้ำดีอย่างนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ ที่ถูกแต่งตั้งมาแต่ครั้งรัฐบาลขิงแก่ ขณะที่ถูกย้ายนั้น นายเฉลิมศักดิ์เหลืออายุราชการก่อนเกษียณไม่ถึง 3 เดือนด้วยซ้ำ ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์อย่างเซ็งแซ่

จนกระทั่งเปลี่ยนรัฐบาล รัฐมนตรี ทส.เปลี่ยนมาเป็นนายสุวิทย์ คุณกิตติ และแน่นอนว่าอธิบดี อส.ก็ต้องเปลี่ยนด้วย คราวนี้นายสุวิทย์ได้แต่งตั้งนายเกษมสันต์ จิณณวาโส เข้ามา

ดูท่านายเกษมสันต์จะเป็นความหวังให้กับข้าราชการน้ำดีทั้งหลาย เพราะปัญหาลึกๆ หลักๆ ที่อยู่คู่กับ อส.มานานคือ การลูบคมแย่งเหลี่ยมกันระหว่างพวกที่จบมาจากโรงเรียนป่าไม่แพร่ กับพวกที่จบคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรียกได้ว่า หากฝ่ายไหนได้ขึ้นเป็นใหญ่ รุ่นน้องรุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกันจะพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย แต่เมื่อคราวนี้ไม่มีฝ่ายไหนได้เป็นใหญ่ เพราะนายเกษมสันต์เองไม่ใช่นักนักเรียนป่าไม้แพร่ และนิสิตวนศาสตร์ แต่จบเศรษฐศาสตร์มา ปัญหาแย่งเหลี่ยมลูบคมระหว่าง 2 สถาบันดูเหมือนจะหายไป

ด้วยบุคคลิกและความสามารถส่วนตัวที่ถนัดทั้งบู๊และบุ๋นแบบฉบับนักเลงในเมืองของนายเกษมสันต์ อีกทั้งได้การการันตีจากอดีตอธิบดี อส.อย่างนายดำรงค์ พิเดช เจ้าของฉายา "นักเลงบ้านนอก" ที่เคยโดนกล่าวหาซ่องสุมกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเพื่อเตรียมเข้าไปสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ในสมัยก่อนโน้น นายดำรงค์บอกว่านายเกษมสันต์ใช้ได้เลย

งานการใน อส.ทำท่าจะไปด้วยดี เพราะนายเกษมสันต์แจกงานให้ระดับรองอธิบดีทำทั้งหมด แม้หลายคนจะชื่นชอบวิธีการทำงาน แต่เรื่องของบารมี อาจจะต้องอาศัยเวลาอีกพอสมควร

งานทำท่าจะไปด้วยดี จู่ๆ ก็มีข่าวมีคำสั่งย้ายฟ้าผ่าระดับหัวหน้าอุทยานฯทั่วประเทศร้อยกว่าตำแหน่ง ท้ายคำสั่งลงนามโดยนายเกษมสันต์ แต่คนที่เกี่ยวข้องต่างทราบดีว่า ความต้องการการโยกย้ายครั้งนี้แท้จริงแล้วมาจากไหน กลับกลายเป็นว่า ปรากฏการณ์ที่ทำท่าว่าจะดีก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะในที่สุดแล้วยังมีอิทธิพลบางอย่างจากนักการเมืองบางกลุ่มครอบคลุมหน่วยงานนี้อยู่

การวิ่งเต้นโยกย้ายของข้าราชการระดับหัวหน้าอุทยานฯเพื่อให้ตัวเองได้ไปอยู่ในอุทยานฯใหญ่ๆ และมีผลประโยชน์ยังไม่ห่างหายไปไหน อุปมาอุปไมยเหมือนกับ ส.ส.ที่ซื้อเสียงเพื่อให้ตัวเองเข้าไปนั่งในสภา และเมื่อได้เข้าไปแล้วยากที่จะเชื่อว่าคนเหล่านั้นเข้าไปทำงานโดยไม่คิดจะถอนทุนคืน

ในอนาคต มีงานใหญ่หลายงานที่ อส.ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องของการจัดสรรที่ทำกิน และการปฏิรูปที่ดินให้ชาวบ้าน เป็นเรื่องอ่อนไหวและมีผลประโยชน์มากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อมีความไม่โปร่งใสเรื่องของการโยกย้าย แล้วเราจะมั่นใจได้แค่ไหนว่างานใหญ่ที่ว่านี้จะปราศจากมลทินใดๆ เลย

หน้า 8

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น