วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"อนุสาวรีย์์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ"

อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ

อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก บริเวณสี่แยกถนนพหลโยธิน (ช่วงรอยต่อระหว่างถนนรามอินทรา กับ ถนนแจ้งวัฒนะ) แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เป็นอนุสาวรีย์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของความขัดแย้งทางการเมืองที่นำไปสู่การสู้รบทำนองสงครามกลางเมือง ซึ่งแฝงไว้ด้วยสื่อสัญลักษณ์ที่เป็นศิลปกรรมสะท้อนอุดมการณ์ทางการเมืองของรัฐบาลในขณะนั้นด้วยการชูประเด็นสำคัญที่ยึดเป็นหลักความชอบทางการเมืองของรัฐบาล 5 ประการคือ กองทัพ, ชาติ, ศาสน์, กษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ

ที่มาของนามอนุสาวรีย์แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2476 เมื่อทหารหลายกองพันโดยการบังคับบัญชาของพระองค์เจ้าบวรเดช หรือที่เรียกกันว่า "กบฏบวรเดช" ได้เคลื่อนกำลังมายึดกองบินดอนเมืองและบางเขน ทางรัฐบาลจึงแต่งตั้งให้ พันโทหลวงพิบูลสงคราม เป็นผู้บังคับการกองผสม ปราบปรามฝ่ายกบฏจนเป็นผลสำเร็จ แต่ครั้งนั้นมีทหารและตำรวจในฝ่ายรัฐบาลต้องจบชีวิตลงจำนวน 17 นาย ชื่อแรกเริ่มของอนุสาวรีย์ฯ ที่เป็นทางการ คือ "อนุสาวรีย์ 17"

ในการเปิดอนุสาวรีย์ฯ รัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทรงกระทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ฯ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2479 ในสมัยรัฐบาล นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) การที่นายพลตรีหลวงพิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศสมัยนั้นเรียกชื่ออนุสาวรีย์นี้ว่า "อนุสาวรีย์หลวงอำนวยสงคราม" อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นภาษาพูดที่ชนชั้นนำในรัฐบาลสมัยนั้นเป็นที่รู้จักและเข้าใจในเหตุการณ์กบฏฯ ที่เกิดขึ้นในเดือน ตุลาคม พ.ศ.2476 หรือเป็นการยกย่องนายพลโท หลวงอำนวยสงคราม (ถม เกษะโกมล) ผู้กล้าหาญผู้หนึ่งที่เสียชีวิตในคราวปราบกบฏครั้งนั้นและชื่อของท่านผู้นี้ได้ถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์

นอกจากชื่ออนุสาวรีย์ฯ ดังกล่าวแล้ว ยังมีชื่อเรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ", "อนุสาวรีย์หลักสี่" แต่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ" หลวงนฤมิตรเลขการ อาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเป็นผู้ออกแบบและดำเนินการก่อสร้างโดยกรมศิลปากร

ลักษณะรูปแบบของอนุสาวรีย์ฯ มีรูปทรงคล้ายดอกบัวตูม (หรืออาจมองคล้ายลูกปืน) ประดับด้วยดอกบัวซ้อน 2 ชั้น ตั้งอยู่บนฐานรูป 8 เหลี่ยม ซึ่งหมายถึง ทิศทั้ง 8 ตามคติพราหมณ์ ที่ฐานมีปีกฐาน 4 ทิศ โดยมีบันไดที่ฐานรอบด้าน ส่วนบนสุดของรูปทรงดอกบัวตูมประดิษฐาน "พานรัฐธรรมนูญ" อันเป็นสื่อสัญลักษณ์ที่เน้นความสำคัญในหลักการปกครองระบอบรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในสมัยนั้นต่อสายตาสาธารณชน อีกทั้งเป็นการสื่อความหมายยืนยันความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลต่อการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลที่ถือว่าเป็นฝ่ายกบฏ

ส่วน ด้านหน้าของอนุสาวรีย์ฯ หันไปทางทิศตะวันตก มีแผ่นจารึกนามทหารและตำรวจของฝ่ายรัฐบาลที่เสียชีวิตในการปราบกบฏรวม 17 นาย ไว้เป็นอนุสรณ์ของผู้กล้าหาญ ที่ได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะ ผู้เสียสละและเหนือแผ่นจารึกนามผู้เสียสละนี้ ประดับด้วยแผ่นตราสัญลักษณ์ของกระทรวงกลาโหม ผนังอนุสาวรีย์ฯ ด้านทิศตะวันออกประดับด้วยแผ่นทองเหลืองจารึก "โคลงสยามานุสติ" พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงความสามัคคีของคนในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และหมายรวมถึง การสื่อความของรัฐบาลต่อการจงรักภักดีและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบรัฐธรรมนูญที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขซึ่งผ่านมาได้ประมาณ 1 ปีเศษ ก็เกิดเหตุการณ์กบฏ อีกทั้งอาจเป็นการย้ำให้เห็นว่า รัฐบาลได้กระทำการกบฏนั้นสอดคล้องกับสยามานุสสติ

ผนังอนุสาวรีย์ฯ ด้านทิศใต้ เป็นรูปปั้นครอบครัวชาวนาไทย 3 คน คือ พ่อ แม่ ลูก พ่อถือเคียว แม่ถือรวงข้าว ลูกถือเชือก เป็นสื่อสัญลักษณ์สะท้อนลักษณะสำคัญของชนชาติไทยที่ได้ยกย่องคือ "ชาวนา" หรือมีความหมายในคำว่า ชาติ อีกทั้งแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองไทยภายใต้การปกครองระบอบใหม่หรือระบอบรัฐธรรมนูญ

ผนังอนุสาวรีย์ฯ ด้านทิศเหนือ เป็นรูปปั้นธรรมจักร สื่อความหมายว่าการปกครองระบอบรัฐธรรนูญแห่งพระพุทธศาสนา และปราถนาเพื่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุขสงบของคนในชาติ และเป็นการแสงเจตจำนงว่า รัฐบาลยังยึดมั่นในพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

ปัจจุบันได้ก่อสร้างอุโมงค์หลักสี่ ลอดทางแยก อนุสาวรีย์พิทักรัฐธรรมนูญ ในแนวถนนพหลโยธิน โดยอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญยังคงตั้งอยู่ในพื้นที่ดังเดิม ทำให้บริเวณรอบๆ สถานที่ตั้งอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญมีทัศนียภาพสวยงามและมีความโดดเด่นสง่างามมากขึ้น
https://www.myfirstbrain.com/AroundTheCity_View.aspx?Id=49396

Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น