วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ท่านทูตฝรั่งเศส 'รักไทย' 'มร.โลรองต์ บีลี่' 'ชนบทไทยเหมือนสวรรค์'

วันที่ 31 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
ท่านทูตฝรั่งเศส 'รักไทย' 'มร.โลรองต์ บีลี่' 'ชนบทไทยเหมือนสวรรค์'
 
ในขณะที่คนไทยหลายต่อหลายคนชื่นชมในไลฟ์สไตล์ต่างชาติ แต่ชาวต่างชาติคนนี้กลับมีมุม มอง มีความนิยมชมชอบในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ถึงขนาดเลือกที่จะมารับตำแหน่งบริหารระดับสูงที่ประเทศไทย แม้ว่าจะมีสิทธิเลือกรับตำแหน่งที่ อื่น ๆ และถึงขนาดปรารภเลยว่าหากต้องเลือกระหว่างรับตำแหน่งที่วอชิงตัน กับที่กรุงเทพฯ ก็จะเลือกกรุงเทพฯ วันนี้มาดูชีวิตชาวต่างชาติคนนี้... "มร.โลรองต์ บีลี่"

มร.โลรองต์ บีลี่ ชาวต่างชาติคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึง "เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย" โดยท่านทูตเกิดเมื่อ 12 ส.ค. 2504 ปัจจุบันอายุ 48 ปี จบปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ และด้านรัฐศาสตร์ รวมถึงสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการบริหารแห่งชาติด้วย ก่อนหน้านี้ท่านเคยเป็นที่ปรึกษาด้านการทูตของประธานาธิบดี ฌาคส์ ชีรัค ช่วง ต.ค. 2545-15 พ.ค. 2550 เคยเป็นผู้อำนวยการกองที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลกิจการสหภาพยุโรป พ.ค.-ต.ค. 2545 เป็นเลขานุการเอกและรองหัวหน้าคณะผู้แทนฝรั่งเศสประจำสหภาพยุโรปตะวันตก (กรุงบรัสเซลส์) ปี 2541-2543

ความสามารถทางภาษาของท่านทูตท่านนี้ ล้นเหลือ นอกจากภาษาฝรั่งเศสเองแล้ว ท่านยังพูดได้อีกหลายภาษา ทั้งเยอรมัน, อังกฤษ, โปรตุเกส, สเปน, ตุรกี และรวมถึงภาษาไทยด้วย

"ผมชอบวิถีชีวิตแบบไทย ๆ และวัฒนธรรม ไทย ผมอยู่เมืองไทย ผมรู้สึกสบายมาก ผมมีชีวิตที่นี่ที่สบายมาก และเพื่อน ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน" มร.โล รองต์ บีลี่ กล่าวกับทีมวิถีชีวิต เมื่อถามถึงความรู้สึกของท่านที่มีต่อเมืองไทย พร้อมเล่าอีกว่า กับประสบการณ์แรกที่เมืองไทยคือการใช้ชีวิตกับครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่เมืองน่าน หรือ จ.น่าน ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงก่อนเดือน มิ.ย. 2550 อยู่กับครอบครัวไทย 3 สัปดาห์คนเดียว เรียนภาษาไทย โดยท่านทูตกล่าวว่า ที่เมืองน่านเป็นสถานที่ที่วิเศษสำหรับตนเอง ตอนนั้นใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยการไปเรียนภาษาไทยกับครูพิเศษทุกวัน ๆ ละ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังไปวัด กินข้าวกับครอบครัวไทย และพักผ่อนปล่อยอารมณ์แบบสบาย ๆ ด้วยการไปถีบจักรยาน

"ที่เมืองน่านเป็นเมืองชนบทที่เหมือนสวรรค์ เป็นประสบการณ์แรกที่ประทับใจมาก"

ท่านเอกอัครราชทูต โลรองต์ บีลี่ กล่าวย้ำด้วยรอยยิ้มอีกว่า ประทับใจครั้งแรกที่เมืองน่าน การได้ใช้ชีวิตที่เมืองน่านเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่เลือกน่านเพราะว่ามีเพื่อนที่เป็นอาจารย์ที่ฝรั่งเศส เพื่อนสนิท อยู่ที่น่าน ทำให้ได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับครอบครัวไทย ได้ใช้ชีวิตที่เมืองไทย ได้เรียนภาษาไทย สนุกมาก ทุกคนในครอบครัวไทยน่ารักมาก ตอนได้ใช้ชีวิตที่เมืองน่านมีเวลาว่างมาก ได้ไปเดินป่า ไปถีบจักรยาน ไปดูวิถีชีวิตแบบโบราณ ที่สำคัญไม่มีรถติด แต่มีวัฒนธรรมที่น่ารักมาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ทุกคนน่ารัก และน่าสนใจมาก

"มีความสุขมาก และอาหารที่ชอบทานคือ ลาบปลาดุก แต่ไม่ชอบทานต้มแซบในตอนเช้า เพราะเผ็ดมาก และมีเครื่องในมาก กินไม่ไหว เพราะที่ฝรั่งเศสกินแต่ขนมปังมาตลอด"

การอยู่ที่เมืองไทย ท่านเอกอัครราชทูตโลรองต์บอกว่า อยู่ที่เมืองไทยตนเองเหมือนมีหลายชีวิต คือเป็นเอกอัครราชทูต เป็นพ่อของลูก 4 คน และเป็นคนธรรมดาที่เรียนรู้วัฒนธรรมไทย เรียนภาษาไทย และแม้เมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้ว ถ้ามีเวลาว่างจากการทำงานก็จะไปภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ อยู่เสมอ ๆ

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเลือกมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ท่านเล่าว่าท่านเป็นที่ปรึกษาด้านการทูตของประธานาธิบดี ฌาคส์ ชีรัค มาก่อน ทำให้มีโอกาสเลือกได้ จึงได้เลือกมาที่นี่ เพราะไทยกับฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากทีเดียว และคิดว่าน่าจะมี โอกาสพัฒนาความร่วมมือสูงในอนาคต มากกว่าประเทศอื่น ๆ ซึ่งพอมาอยู่แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว

"กับคนไทยผมรู้สึกสบายมาก แต่ภาษาไทยยากมาก พยายามเรียน 2-3 ปี เริ่มเรียนภาษาไทยตั้งแต่อยู่ที่ฝรั่งเศสมาก่อน ก่อนที่จะมาเรียนเพิ่มเติมที่เมืองไทย"

นอกจากน่าน ท่านยังชอบ ลพบุรี ด้วย "ชอบเมืองแบบลพบุรี เพราะเหมือนเมืองน่าน ไม่มีฝรั่งเยอะ คุยกับคนไทยโดยใช้ภาษาไทยได้ ชอบ ถ้าไปภูเก็ตทุกคนจะพยายามพูดภาษาอังกฤษกับผม"

นอกจากนี้ ท่านยังชอบสถานที่อื่น ๆ ของไทยที่มีบรรยากาศแบบโบราณ ชอบไปชนบท เคยไปเที่ยวดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ไปเดินป่
าขึ้น ภูเขา ไปหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่แม่เว้ อ.แม่สอด จ.ตาก ไปใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้าน 3 วัน ได้นอนพื้น อาบน้ำที่แม่น้ำ ซึ่งท่านบอกสบาย มาก ชาวบ้านอธิบายให้ฟังถึงวิถีชีวิต และวัฒน ธรรมแบบกะเหรี่ยง ทุกคนน่ารักมาก ที่สำคัญ ทุกคนมีระดับภาษาไทย ที่ไม่สูง คุยกันรู้เรื่อง สบายเลย

สำหรับชีวิตที่กรุงเทพฯ กับตำแหน่งเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ท่าน บอกว่า คนภายนอกมองว่าเป็นท่านทูตแล้วต้องเป็นทางการ แต่จริง ๆ แล้วท่านไม่ชอบใส่เนกไทตลอดเวลา ไม่ต้องการความเป็นทางการตลอดเวลา แต่ที่กรุงเทพฯ ก็ต้องเป็นตัวแทนฝรั่งเศสตลอดเวลา

"ไม่สนุก ผมชอบความเป็นกันเองสบาย ๆ"

อย่างไรก็ตาม ที่กรุงเทพฯ กับบ้านที่ท่านพำนักริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่านทูต บอกว่าชอบบ้านหลังนี้ เพราะมีสวนที่สวยมาก ชอบแม่น้ำ ชอบชีวิตที่แม่น้ำ และส่วนตัวเมื่อมีเวลาว่างจะไปฟิตเนสที่โรงแรมโอเรียนเต็ล โดยทางน้ำ อยู่ที่แม่น้ำทุกวัน สบายมาก ยอมรับว่าปรับตัวกับสังคมไทยได้ค่อนข้างง่าย ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ

"ผมยังเป็น 1 ใน 119 นักศึกษาของสถาบัน พระปกเกล้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม มีความสัมพันธ์ ที่ดีกับทุกคน สำหรับผม สบายมากสำหรับที่นี่" ท่านเอกอัครราชทูตโรลองต์กล่าว และว่าการรับตำแหน่งที่เมืองไทย ถ้าเป็นไปได้จะขอให้มีโอกาสอยู่ในตำแหน่งถึง 4 ปี และขอมีโอกาสอีกครั้งหนึ่งด้วย

"ถ้าเลือกได้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีตัวเลือกว่าจะให้ไปวอชิงตัน หรือกรุงเทพฯ ผมจะเลือกมาที่กรุง เทพฯ" เป็นอีกคำกล่าวของเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทยคนนี้ ซึ่งฟังดูแล้วคนไทยหลาย ๆ คน คงจะทึ่งกับความชอบในการดำเนินชีวิต และที่สำคัญคือมุมมองที่ดีต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยของท่าน.

เทศกาลวัฒนธรรม 'ลา แฟ็ต'

มร.โลรองต์ บีลี่ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงนโยบายส่วนตัวต่อความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศสว่า นโยบายด้านวัฒนธรรมเป็น โอกาสที่ดี ต่อความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งอยากจะขอประชาสัมพันธ์ "เทศกาล วัฒนธรรมฝรั่งเศส-ไทย" ครั้งที่ 6 ในปี 2552 หรือ "ลา แฟ็ต 2009" (ระหว่างเดือน มิ.ย.-ต.ค.) ที่จะนำเสนอความหลากหลายของศิลปะทั้งในด้านละคร ดนตรีคลาสสิก นาฏยลีลา ภาพยนตร์ ภาพถ่ายใต้สมุทร แฟชั่น การออกแบบ วิทยาศาสตร์ มรดกทางวัฒนธรรม มานุษยวิทยา การท่องเที่ยว ฯลฯ โดยในวันที่ 3 มิ.ย. 2552 นี้ จะมีพิธีเปิด ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ท่านทูตโลรองต์บอกอีกว่า ลา แฟ็ต เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฤดูใบไม้ผลิแห่งเอเชียซึ่งรวบรวมและเผยแพร่วัฒนธรรมฝรั่งเศสในภูมิภาคเอเชีย และนับแต่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2547 เทศกาลนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปะและการแสดง ระหว่างไทยและฝรั่งเศส นอกจากนี้ ส่วนตัวยังสนับสนุนนักเรียนไทยที่ต้องการไปเรียนที่ฝรั่งเศสด้วย ซึ่งเท่าที่ทราบมีคนไทยต้องการไปเรียนที่ฝรั่งเศสเพราะค่าเรียนถูกกว่าที่อเมริกาและออสเตรเลีย และที่สำคัญทางประเทศฝรั่งเศสเองก็มีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนไทยที่สนใจด้วย.


สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน/ จเร รัตนราตรี : ภาพ


check out the rest of the Windows Live™. More than mail–Windows Live™ goes way beyond your inbox. More than messages

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น