วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บูทิคโฮเต็ลที่มวกเหล็ก เกี่ยวเสน่ห์โมรอคโคสร้างจุดขาย

บูทิคโฮเต็ลที่มวกเหล็ก เกี่ยวเสน่ห์โมรอคโคสร้างจุดขาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2552 09:58 น.

อาคารใหม่ของ "มวกเหล็ก ฮอลิเดย์ อินน์"

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ผุสดี - วิโรจน์ ลีละวาณิชย์ และลูกสาว (จากขวาไปซ้าย)

ทางเข้าโรงแรม

บริเวณสระว่ายน้ำ

ล็อบบี้โรงแรม


ทางเดินหน้าห้องพักชั้นล่าง

อาคารเดิม จำนวน 16 ห้อง

ห้อง Vip คืนละ 1,500 บ.


แบบเตียงคู่


ติดริม ถ.มิตรภาพ ใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จะพบโรงแรมขนาดย่อมน้องใหม่แห่งหนึ่ง ตกแต่งสวยสะดุดตา ฉีกแนวจากโรงแรมอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง โดยสร้างสรรค์ออกมาในสไตล์โมรอคโค ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างการตกแต่งสไตล์ยุโรป กับตะวันออกกลาง ประกอบกับทำเลที่ตั้งได้เปรียบ ช่วยให้บูทิคโฮเต็ลแห่งนี้ ประสบความสำเร็จ สวนกระแสเศรษฐกิจ
       
       โรงแรมดังกล่าว คือ "มวกเหล็ก ฮอลิเดย์ อินน์" โดยสามีภรรยา อย่าง "วิโรจน์ และผุสดี ลีละวาณิชย์" เป็นเจ้าของกิจการ
       
       ***เจาะช่องว่างม่านรูดกับรีสอร์ตหรู
       
       ผุสดี เล่าที่มาของโรงแรมว่า ธุรกิจหลักของสามี (วิโรจน์) รับจ้างก่อสร้าง จัดสวน และปลูกป่า อยู่ใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งกิจการประสบความสำเร็จอย่างสูง จนมีเงินทุนซื้อที่ดินติด ถ.มิตรภาพ เส้นระหว่างกรุงเทพฯ – สระบุรี เนื้อที่รวมกว่า 5 ไร่ ไว้เป็นสมบัติของครอบครัว
       
       และด้วยเจตนาอยากเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินว่างเปล่า จึงคิดทำธุรกิจโรงแรม เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ มีผู้สัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา โดยเฉพาะบรรดาพนักงานขายต่างจังหวัดของบริษัทต่างๆ ที่ต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ทางภาคอีสานสม่ำเสมอ มักเลือกแวะพักระหว่างทางที่ อ.มวกเหล็กจำนวนมาก
       
       ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่ธุรกิจห้องพักหรือโรงแรมในละแวกนี้ที่มีกว่า 20 แห่ง หากไม่เป็นโรงแรมม่านรูดราคาถูก คืนละ 200-300 บาท ก็จะเป็นรีสอร์ตหรูหรา ราคาค่อนข้างสูง คืนละพันบาทขึ้นไป จากช่องว่างทางการตลาดนี้ เกิดไอเดียจะสร้างโรงแรมเป็นทางเลือกตรงกลาง ระหว่างโรงแรมม่านรูด กับรีสอร์ตราคาแพง โดยเน้นให้เป็นโรงแรมขนาดเล็กแต่ดูดี มีดีไซน์สวยงาม ห้องพักสะอาด และปลอดภัย ขณะที่ค่าพักไม่สูงเกินไป

       
       ***ดึงสไตล์โมรอคโคสร้างจุดขาย
       
       เนื่องจากอาชีพหลักรับก่อสร้าง และจัดสวนอยู่แล้ว หน้าที่ออกแบบและปลูกสร้าง วิโรจน์รับผิดชอบดูแลเองทั้งหมด โดยเลือกจะสร้างสรรค์ให้ออกมาสไตล์โมรอคโค ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างสไตล์ยุโรป แบบสเปน กับวัฒนธรรมตะวันออกกลาง ที่นิยมใช้ผ้าผืนใหญ่ตกแต่งห้องพัก รวมถึง ประดับด้วยไฟหลากสี ส่วนกำแพง และตัวอาคาร จะเน้นทาเป็นสีสด ตัดสลับกันไปมาอย่างชัดเจน
       
       วิโรจน์ อธิบายเสริมว่า ไอเดียออกแบบ มาจากจินตนาการส่วนตัว ประกอบกับดูจากนิตยสารต่างประเทศ รวมถึง ใช้ประสบการณ์ที่เคยสร้างรีสอร์ตให้ลูกค้ารายต่างๆ นำมาประยุกต์รวมกัน จนออกมาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
       
       ผุสดี เผยว่า ลงทุนเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยระยะแรกมีแค่ 16 ห้อง ราคา 600 บาทต่อคืน เปิดให้บริการเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าหลัก คือ กลุ่มพนักงานขายของบริษัทต่างๆ
       
       "เราไม่เคยทำประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังใดๆ เลย ลูกค้าเซลล์แมนที่มาพัก แทบทั้งหมดจะเดินเข้ามาติดต่อด้วยตัวเอง เพราะเขาเห็นถึงความแตกต่างของสถานที่ และทำเลอยู่ติดถนนใหญ่ สะดวกต่อการเดินทางของเขา ซึ่งหลังจากเข้าพัก เขาก็จะไปบอกต่อๆ กันในกลุ่ม ทำให้ได้ลูกค้าเซลล์ขาประจำค่อนข้างแน่นตลอด" เจ้าของธุรกิจ เผย
       
       ***ยกระดับขยายฐานลูกค้า
       
       เมื่อธุรกิจได้ผลตอบรับดีอย่างยิ่ง หลังดำเนินการไปแค่ 6 เดือน จึงเริ่มขยายกิจการ โดยขอสินเชื่อ จำนวน 11 ล้านบาท จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อสร้างอาคาร ใหม่เพิ่มเติม รวมถึง สร้างห้องสัมมนา ห้องอาหาร และสระว่ายน้ำ รองรับการขยายฐานลูกค้าให้กว้าง และหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งครอบครัว หน่วยงานราชการ-เอกชน และนักท่องเที่ยวทั่วไป
       
       สำหรับอาคารใหม่ มีทั้งหมด 20 ห้อง แบ่งเป็น ห้อง standard จำนวน 12 ห้อง ราคา 900 บาทต่อคืน และห้อง VIP จำนวน 8 ห้อง ราคา 1,500 บาทต่อคืน เปิดบริการตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา ส่วนห้องสัมมนา ห้องอาหาร และสระว่ายน้ำ คาดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ประมาณเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
       

       ผุสดี ระบุว่า หลังเปิดบริการอาคารแห่งใหม่ มีอัตราเข้าพักเต็มประมาณร้อยละ 60-80 โดยได้ลูกค้ากลุ่มใหม่อย่างที่ตั้งใจไว้ เช่น กลุ่มครอบครัวและกลุ่มทัวร์ที่จะเข้าพักช่วงสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่สรรหาเข้ามาพักเอง นอกจากนั้น ลูกค้าที่กำลังมาแรง คือ วัยรุ่นและนักศึกษาที่มาชมคอนเสิร์ตบนเขาใหญ่ ส่วนกลุ่มบริษัทหรือองค์กรต่างๆ หากห้องสัมมนาเสร็จสมบูรณ์ เชื่อว่า จะช่วยเสริมการตลาดได้อย่างดี
       
       แม้ว่า ปัจจุบัน สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะเข้าขั้นวิกฤต แต่สำหรับ"มวกเหล็ก ฮอลิเดย์ อินน์" กลับสวนกระแส ธุรกิจยังไปได้ด้วยดี เจ้าของกิจการ วิเคราะห์สาเหตุ น่าจะเป็นเพราะฐานลูกค้าหลัก คือ คนไทย ผลกระทบจึงน้อยกว่าโรงแรมที่พึงชาวต่างชาติเป็นหลัก และที่สำคัญ ทำเลได้เปรียบ อยู่ติดถนนใหญ่ ห่างจากกรุงเทพฯ แค่ 135 กิโลกรัม และยังตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกมวกเหล็ก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไร่องุ่น ฟาร์มโชคชัย เป็นต้น
       
       "ดิฉันมองว่า แนวโน้มธุรกิจยังไปได้ เพราะ อ.มวกเหล็ก เป็นเหมือนประตูเชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคอีสาน เมื่อรวมกับทำเลที่มีศักยภาพ กับสไตล์การตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง ส่วนราคาห้องพักก็ไม่สูงเกินไป ทำให้เราลูกค้าบอกต่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากผลตอบรับที่กลับมา คาดจะคืนเงินลงทุนได้ภายใน 5- 7 ปี" ผุสดี ระบุทิ้งท้าย
       
       **************************************************
       
       
โทร.036 327 222 , 08 1422 3875 และ www.muaklekholiday.com
       


http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000050793


See all the ways you can stay connected to friends and family

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น