วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำไมต้องตรวจภายใน / รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ สูตินรีแพทย์

ทำไมต้องตรวจภายใน / รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ สูตินรีแพทย์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2552 07:43 น.
       เมื่อเอ่ยถึง "การตรวจภายใน" มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยละเลย บ่ายเบี่ยง หรืออายที่จะตรวจ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การตรวจภายใน สามารถบอกได้ว่าบริเวณอวัยวะเพศของคุณมีอะไรผิดปกติ หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภัยร้ายของผู้หญิง ... มะเร็งปากมดลูก

       ซักประวัติ
       
ก่อนที่หมอจะบอกได้ว่า โรค หรือปัญหาที่อวัยวะเพศของคุณเป็นอะไร จำเป็นจะต้องซักถามประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นเสียก่อน จึงจะบอกได้ว่าเป็นโรคอะไร บางรายซักก็แล้วตรวจก็แล้ว ยังบอกไม่ได้ ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจถึงจะได้คำตอบก็มี
       
       การซักประวัติ ส่วนมากหมอจะถามว่าเป็นอะไรมา เป็นมาอย่างไร ตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว มีลูกกี่คน คุมกำเนิดอย่างไร บางรายอาจต้องถามละเอียดมากกว่านี้จนคนไข้บางคนคิดว่าหมอจะมาล้วงความลับก็มี เช่น ถามว่าเวลามีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บไหม มีเพศสัมพันธ์บ่อยแค่ไหน การที่ต้องถามเช่นนี้ก็เพื่อจะได้ข้อมูลมากพอที่จะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้ถูกต้องมากขึ้น
       
       การตรวจภายใน
       ภายหลังการซักประวัติคนไข้ สิ่งจำเป็นที่หมอจะต้องทำต่อ คือ "ตรวจภายใน" คุณผู้หญิงบางคน พอหมอบอกว่า "ต้องตรวจภายในครับ" ก็อิดออดต่อรองขอตรวจด้วยวิธีอื่นแทนได้ไหม เช่น ตรวจด้วยเอกซเรย์ หรือ อัลตราซาวนด์แทนไม่ได้เหรอ จากนั้นจะมีอาการต่างๆ เกิดขึ้น ตั้งแต่ กลัวจนตัวสั่น เสียงสั่น บางคนเหงื่อแตกเลยก็มี หรือไม่ก็อิดออดขอกลับบ้านไปทำใจก่อน อาจเพราะอาย ตั้งแต่เป็นสาวมาจนวัยกลางคน ยังไม่เคยให้ใครมากล้ำกลายอวัยวะเพศเลย ซ้ำร้ายบางคนสัญญากับตัวเองเลยว่า "ยังไงเสียก็จะไม่ตรวจภายใน ตายเป็นตาย" แต่เอาเข้าจริงๆ ส่วนมากไม่ค่อยยอมตายหรอก แต่กว่าจะตรวจได้ก็ปล่อยให้โรคเป็นไปมากจนเจ็บปวดทนไม่ไหวจึงยอมตรวจ
       
       จากการสังเกตของหมอพบว่า เดี๋ยวนี้แทนที่สาวๆ จะอาย กลับเป็นคนที่ค่อนข้างสูงอายุที่อายมาก และอิดออดไม่ยอมตรวจ ยิ่งเป็นคุณย่าคุณยายยิ่งอายหนักเข้าไปอีก ส่วนสาวๆ พอบอกว่าต้องตรวจภายใน หลายคนรีบขึ้นเตียงตรวจเลยก็มี บางคนหมอซักประวัติดูแล้ว คิดว่ายังไม่น่าจะต้องตรวจหรอก ก็กลับเซ้าซี้ให้หมอตรวจก็มีเหมือนกัน

       ตรวจภายในบอกอะไร
       
โรคของอวัยวะเพศหญิง มีลักษณะของแต่ละโรคที่ไม่เหมือนกัน โรคบางโรค เช่น เนื้องอกมดลูกหรือเนื้องอกรังไข่ เวลาใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจ อาจสามารถมองเห็นเป็นภาพก้อนเนื้องอกได้ แต่บอกไม่ได้ว่าก้อนดังกล่าวกดเจ็บหรือไม่ ก้อนมีผิวเรียบหรือไม่ ขยับหรือเคลื่อนไหวได้หรือไม่ เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาหรือร้ายแรง จะรู้ได้ก็ต้องใช้การคลำด้วยมือเท่านั้น โดยการ "ตรวจภายใน" นั่นเอง ซึ่งผลที่ได้จากการตรวจภายในร่วมกับการตรวจด้วยวิธีอื่น จะทำให้คุณหมอสามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำยิ่งขึ้น
       
       ตรวจภายในทำอย่างไร
       เมื่อจะต้องรับการตรวจภายใน คุณผู้หญิงจะต้องขึ้นนอนบนเตียงที่ออกแบบมาเพื่อตรวจภายในโดยเฉพาะ โดยจะมีที่รองขาหรือที่เรียก "ขาหยั่ง" เพื่อแยกขาให้ออกจากกัน ทำให้เห็นอวัยวะสืบพันธุ์ได้ชัดเจน นึกภาพตามไปเรื่อยๆ นะครับ
       
       1.หมอจะใช้น้ำยาทำความสะอาดบริเวณปากช่องคลอด แล้วใช้ผ้าสะอาดคลุมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง และหน้าท้องส่วนล่างเหลือเปิดไว้เฉพาะบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
       2.เริ่มจากการตรวจดูบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ และอาจต้องใช้มือคลำว่ามีก้อนเนื้องอกบริเวณปากช่องคลอดด้วยหรือไม่
       3.จากนั้นใช้เครื่องมือถ่างขยายปากช่องคลอด ซึ่งทำด้วยเหล็กใส่เข้าไปในช่องคลอดเพื่อตรวจดูภายในว่า มีแผล มูก เลือดที่ปากมดลูกหรือช่องคลอดหรือไม่ รวมทั้งจะได้เช็คมะเร็งปากมดลูกไปด้วย
       4.และปิดท้ายด้วยการสอดนิ้วมือของมือข้างหนึ่งเข้าไปในช่องคลอด และใช้นิ้วของมืออีกข้างหนึ่งกดที่หน้าท้องโดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย แล้วใช้มือทั้ง 2 ข้างร่วมกันในการคลำอวัยวะในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นมดลูก หรือรังไข่ว่าโตผิดปกติไหม กดเจ็บไหม มีถุงน้ำหรือเนื้องอกหรือเปล่า

       
       ร่วมมือดี ตรวจได้ราบรื่น
       การตรวจภายในจะเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้าคุณผู้หญิงให้ความร่วมมือกับหมอ ซึ่งก็เพียงแค่นอนแยกขา แล้วปล่อยตัวตามสบาย ไม่เกร็งหน้าท้อง ทั้งนี้เพื่อให้หมอตรวจดูปัญหาในช่องคลอดได้ง่าย เห็นชัดเจน เพราะถ้าเกร็งแล้ว จะคลำอะไรไม่ได้เลย
       
       คุณผู้หญิงหลายคน เมื่อหมออธิบายการตรวจภายในจนเข้าใจดีแล้ว แต่พอถึงเวลาตรวจเข้าจริง ก็อดไม่ได้ที่จะมีสารพัดอาการ บางคนเอามือมาคอยปิดเวลาหมอจะตรวจ พอหมอหยุดตรวจก็หยุดปิด พอจะตรวจใหม่ก็ปิดใหม่ ทำเหมือนเล่นชักเย่อ บางคนก็นอนตัวแข็งเกร็งเหมือนหุ่นยนต์ บางคนก็บิดก้นหนีเวลาหมอจะตรวจ เหมือนเล่นเกมตำรวจจับขโมย บางคนก็ส่ายก้นไปมา หรือเลื่อนก้นขึ้นลงเหมือนนั่งม้าโยก ซึ่งทำให้การตรวจภายในยุ่งยากและอาจทำให้ตรวจผิดหรือตรวจไม่ได้เลย ต้องบอกตรงๆ ว่า เสียเวลาทั้งคนไข้และหมอครับ
       
       ทั้งนี้ การตรวจภายใน หากพบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ และได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ก็สามารถช่วยได้
       
       เรียบเรียง: ยุพดี ห่อเนาวรัตน์
       
       

       
       ชวนร่วมงานศิริราชรักษ์สิ่งแวดล้อม
       เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิ.ย.นี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกับภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรมในงาน "ศิริราชรักษ์สิ่งแวดล้อม Siriraj Green Hospital" เพื่อรณรงค์และสร้างจิตสำนึกแก่ประชาชนให้ช่วยกันรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดปัญหาภาวะโลกร้อนอีกทาง ระหว่างวันที่ 1-5 มิ.ย.ณ โถงอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช ภายในในงานมีสาธิตการนำสิ่งที่ใช้แล้วมารีไซเคิล เช่น "กระป๋องกู้โลก" เป็นการบำบัดน้ำเสียให้สามารถกลับมาเลี้ยงปลาได้ การสกัดแยกไขมันและน้ำมันออกจากน้ำเสียบ่อดักแล้วกลับมาใช้ใหม่
        
       นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การให้ความรู้การใช้และทิ้งแบตเตอรี่มือถืออย่างถูกวิธี การเลือกประเภทหลอดไฟให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน และการปลูกผักปลอดสารพิษ เป็นต้น รวมถึงการออกร้านจำหน่ายสินค้าพืชพันธุ์ พืชผัก และสินค้าระดับ OTOP พร้อมชมสิ่งประดิษฐ์จากขยะ กระดาษและขวดน้ำ นิทรรศการผลงานรักษ์สิ่งแวดล้อม และพรรณไม้พฤกษชาติตระการตา พิเศษ ในวันที่ 5 มิ.ย.เวลา 14.00 น.มีการแสดง Mini Concert รักษ์สิ่งแวดล้อมจากดารานักแสดงช่อง 3 สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2419-7646-9
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059453

Hotmail® has ever-growing storage! Don't worry about storage limits. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น