| เปิดของขวัญยอดฮิตของ 'คนไทย-คนจีน'ให้แล้วมีแต่เฮง-สัมพันธ์ภาพเป็นเลิศ |
| โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ | 30 เมษายน 2552 17:06 น. |
 |
 | | คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น | | | | | | | เผยของขวัญของกำนัลที่คนไทย-คนจีน นิยมมอบให้กันเพื่อกระชับสัมพันธ์ในทุกระดับ 'ช้าง-สุพรรณหงส์' ฮิตสุดมอบให้ชนชั้นสูง เพราะบ่งบอกเอกลักษณ์ไทย ส่วน 'ข้าวหอมมะลิ'ให้ได้ทุกชนชั้น เพราะเป็นของดีของไทยที่จีนไม่มี พร้อมมอบของขวัญที่เป็นอาหารให้คนจีนตามมณฑลต่างๆ ตามรสนิยม ส่วน'นักวิชาการจีน'เผยของขวัญที่คนจีนนิยมมอบให้ ส่วน '4 ของขวัญ' ต้องห้าม-ความหมายไม่เป็นมงคล ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทย แน่นอนว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นในมุมกว้าง โดยเฉพาะด้านการลงทุนจากต่างชาติ และการท่องเที่ยว แต่สำหรับจีนแล้ว แม้จะเกิดผลกระทบทั้ง 2 ส่วนไม่น้อย แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานระหว่าง ไทย-จีนนั้น จะทำให้ไทย และจีน ยังมีโอกาสขยายความสัมพันธ์ด้านการค้ากันได้มากขึ้นในอนาคต และแน่นอนว่าแม้ประเทศไทยจะเกิดวิกฤต แต่หลายภาคส่วนยังประสานความสัมพันธ์กับจีนทั้งในระดับรัฐบาลและเอกชนอย่างต่อเนื่อง และแต่ละครั้งจะมีการมอบของที่ระลึกให้แก่กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยให้ความสำคัญมาตลอด พิษณุ เหรียญมหาศาล อดีตรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสัมพันธ์กับจีนโดยเฉพาะด้านการค้ามาอย่างยาวนาน จนได้รับฉายาว่า 'มิสเตอร์ไชน่า' เมืองไทย เปิดเผยว่า ธรรมเนียมในการติดต่อกับคนระดับต่างๆของจีนนั้น มีหลักสำคัญอยู่ 2 ประการคือ 1.หากไปติดต่อทางการของจีน ก็ควรมีคณะที่นำโดยทางการจีนในระดับเดียวกัน (รัฐบาลต่อรัฐบาล) เช่นในระดับปลัดกระทรวงของไทยไปจีน ทางการจีนจะให้พบกับผู้ว่าการมณฑล หรือนายกเทศมนตรี หากรองปลัดไทยไปจีน ทางการจีนก็จะให้พบกับระดับ รองผู้ว่าฯมณฑล หรือถ้าเป็นเมืองเอกของมณฑลก็จะได้พบกับรองนายกเทศมนตรี หรือถ้าไปกับสมาคมต่างๆ ก็จะได้พบกับสมาคมของจีนเช่นเดียวกัน แม้ว่าสมาคมของจีนจะเป็นในรูปแบบของรัฐบาลก็ตาม 'เอกชนไปติดต่อรัฐบาลไม่เหมาะ แม้ว่าจะมีความคุ้นเคยกับภาครัฐ ควรมีคนภาครัฐเป็นคนนำไป เพราะคนจีนจะถือว่า ระดับไม่เท่ากัน คุยกันลำบาก' 2.เมื่อพบกันแล้ว ส่วนใหญ่ธรรมเนียมจีน จะมีการสร้างสัมพันธ์ในระดับต่างๆ กัน ซึ่งความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ก๊วนซี่ ถือว่าสำคัญที่สุด ซึ่งถ้ามีก๊วนซี่ที่ดี ความสัมพันธ์โดยเฉพาะการเดินหน้าการค้าระหว่างกันจะไปได้ราบรื่น ก๊วนซี่หนึ่งซึ่งสำคัญคือเรื่องของการดื่มเหล้า หากมีการรับประทานอาหารร่วมกันก็จะต้องดื่มเหล้ากับคนจีน หากเขาดื่มหมดแก้ว เราก็ต้องดื่มหมดแก้วด้วย เพราะถือเป็นการให้เกียรติกัน ซึ่งการกินเหล้ากับคนจีนก็มี 3 ระดับ ระดับแรกคือ หมดแก้ว จะพูดคำว่า 'กันเปย'หรือ หมดแก้วทั้งคู่ หรือ'กันฉิงเห่า หนี่เฮอเส่า หั่วเฮอตัว' แปลว่า ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันคุณก็ดื่มน้อย ฉันก็ดื่มมาก มักใช้กับคนอีกฝ่ายที่ดื่มเหล้าไม่เก่ง หรือเป็นสตรี หรือ 'กันฉิงเห่า หั่วเฮอตัว หนี่เฮอเส่า' แปลว่าถ้ามีความรู้สึกที่ดีต่อกัน คุณดื่มมาก ฉันก็ดื่มน้อย ใช้กรณีที่ฝ่ายเราเป็นฝ่ายดื่มเหล้าไม่เก่ง หรือฝ่ายเราเป็นสตรี ระดับกลาง เรียกว่า 'กั่นฉิงเซิง อีโข่วเมิง' แปลว่าเอาเหล้าทั้งแก้วเข้าปากทีเดียว ก็คือการดื่มเหมือนกับหมดแก้ว แต่ถือว่าเป็นการให้เกียรติสูงสุด มักใช้กับคนที่เริ่มสนิทกับมากขึ้น ระดับสูงเรียกว่า 'เจียวเป่ยจิ่ว' คือการคล้องแขนดื่มเหล้าด้วยกันแบบหมดแก้ว โดยความจริงมักนิยมใช้ในงานแต่งงานระหว่างคู่บ่าวสาวก่อนเข้าห้องหอ แต่สามารถนำมาใช้ในการกินเหล้าสร้างสัมพันธ์อันดีได้เช่นกัน แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วย ระดับสูงนี้ยังมีอีกวิธีคือ 'เจียวจิงจิ่ว' เป็นการเอาแขนอ้อมคอกันและดื่มเหล้าหมดแล้ว ถือว่าเป็นการให้ความสนิทสนมทั้งกายและใจ จะใช้สำหรับความสัมพันธ์ที่สนิทแบบแนบแน่นเท่านั้น 'ชาวตะวันตกมักไม่รู้ธรรมเนียมนี้ แต่คนไทยจะเข้าใจมากกว่า' 'ช้าง-สุพรรณหงส์'ของขวัญเอกลักษณ์ไทย จากนั้นขั้นตอนความสัมพันธ์ที่มีความสำคัญคือการมอบของขวัญให้แก่กัน ซึ่งต้องดูด้วยว่าการมอบของขวัญจะไปให้กับคนในระดับใด หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของจีน ไม่ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรี,รัฐมนตรี,ผู้ว่าราชการมณฑล,นายกเทศมนตรี ในระดับนี้ราชการของไทยมักนิยมเตรียมของขวัญที่มีเอกลักษณ์ของไทยไปมอบให้ แล้วแต่วาระและโอกาสต่างๆ แต่ที่นิยมมีหลายกลุ่มเช่น กลุ่มของโชว์ ถ้าเป็นรูปปั้นสัตว์ต่างๆ สัตว์อันดับ 1 ที่ข้าราชการไทยมักนิยมนำเป็นของขวัญไปมอบให้ข้าราชการระดับสูงจีน จะเป็นรูปช้าง เพราะช้างคือตัวแทนของประเทศไทย หรือรูปปั้น 'เรือสุพรรณหงส์' ก็มีเอกลักษณ์เป็นไทยที่คนจีนประทับใจเช่นกัน ส่วนทางการจีน จะมักมอบรูปปั้น 'มังกร' ให้กับไทย เพราะมังกรคือสัญลักษณ์ของประเทศจีน นอกจากนี้จีนก็นิยมมอบรูปปั้น 'ปลา' เนื่องจากปลา ออกเสียงภาษาจีนว่า 'อือ'แปลว่าความสุข นอกจากนี้ ยังมีของขวัญที่สามารถนำไปตั้งโชว์ได้และนิยมมอบให้กับคนจีนอีก 3 ประเภท ได้แก่ ชุดชา ที่ทำขึ้นจากเครื่องเบญจรงค์ของไทย มีลวดลายที่ละเอียดอ่อนสวยงามและมีคุณค่า คนรับก็มีความสุขเมื่อได้นำมาใช้ ที่เขี่ยบุหรี่ นิยมมอบให้คนจีนมากในสมัยก่อน เพราะคนจีนเกือบทุกคนสูบบุหรี่ แต่ปัจจุบันมีการมอบให้กันน้อยลง ของตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์เป็นไทย โดยเฉพาะของตกแต่งบ้านที่ทำมาจาก OTOP แต่ต้องเป็นโอทอปในระดับ 5 ดาว มีการผลิตอย่างประณีต เนื่องจากปัจจุบันคนจีนนิยมใช้ของระดับไฮเอนด์มาก หรือจะเป็นรูปภาพก็ได้ 'ข้าวหอมมะลิ'อันดับ 1 อาหารไทย กลุ่มที่สองคือกลุ่มอาหาร กลุ่มอาหารนั้นที่นิยมมากที่สุด คือ ข้าวหอมมะลิ เพราะข้าวหอมมะลิถือเป็นของดีของไทย และในประเทศจีนคนที่รับประทานข้าวหอมมะลิเป็นประจำส่วนใหญ่จะเป็นคนระดับสูงหรือร่ำรวย การให้ข้าวหอมมะลิกับคนจีน เท่ากับหมายความถึงการทำให้ผู้ที่เรามอบของขวัญให้ มีหน้ามีตาที่ดีในสังคมด้วย นอกจากนี้จะเป็นกลุ่มผลไม้ ที่นิยมมอบให้รองลงมาคือ ทุเรียนอบแห้งชนิดหนึ่งที่เมื่อเอามาอมแล้วจะมีรสชาติเหมือนทุเรียนสด,มังคุด เพราะเป็นผลไม้ที่มีราคาสูงมากในจีน ขณะที่หากทุเรียนคือราชาของผลไม้ มังคุดก็คือราชินีของผลไม้ไทย และที่จีนมังคุดมีราคาแพง จนต้องมีการขายเป็นลูก,ต่อมานิยมมอบ 'ลำไยสีทอง' ซึ่งลำไยนั้นมีชื่อจีนว่าหลงเหยิน มีความหมายดีมากคือเป็นลูกตามังกร ทำให้รู้สึกเป็นของมีค่ามากในจีน นอกจากนี้ก็มี 'ลองกอง' มีความหมายว่าวังมังกร และ 'กล้วยไข่' ที่มีชื่อภาษาจีนว่า หวงตี้เจียว แปลว่ากล้วยจักรพรรดิที่นิยมมอบให้แก่กันด้วย อย่างไรก็ดี หากไปมอบให้ผู้หลักผู้ใหญ่จีนตามมณฑลต่างๆ จะต้องดูความนิยมบริโภคในพื้นที่ต่างๆด้วย เช่น ภาคตะวันออกของจีนบริเวณตั้งแต่ริมทะเลลงมา อาทิ เจียงซู กวางต่ง จะนิยมทานอาหารที่มีรสหวาน ไม่ชอบเผ็ด บริเวณนี้จะชอบทานกล้วยไข่มาก ขณะที่บริเวณ 9 มณฑลใต้แม่น้ำฉางเจียง จะชอบทานเผ็ดมาก หากจะนำอาหารไทยไปฝากผู้ใหญ่ที่มณฑลบริเวณนี้ก็ควรเน้นอาหารรสเผ็ด ที่นิยมได้แก่ น้ำพริกทุกชนิด รวมถึงน้ำจิ้มต่างๆ จะได้รับความนิยมมาก ส่วนภาคเหนือของจีน ชอบทาน หมั่นโถว และของเค็ม ๆ จึงไม่ควรเอาอาหารรสหวานไปฝาก 'กล้วยจักรพรรดิ กับมะขาม เราก็ต้องเลือกว่าจะให้มณฑลไหน หากเป็นทางยูนนาน และเสฉวนจะชอบมะขามมากกว่า เพราะมีรสชาติเปรี๊ยวอมหวาน แต่ถ้าเป็นกล้วยจักรพรรดิต้องนำไปมอบให้ทางภาคตะวันออก' ทั้งนี้หากไม่รู้จะมอบอะไร ข้าวหอมมะลิถือเป็นของขวัญที่เหมาะสมกับทุกโอกาสมากที่สุด ซึ่งหากไปพบคนหลายระดับ ก็ต้องมีสัดส่วนการให้ที่แตกต่างกันด้วย เช่นข้าวหอมมะลิห่อละ 1 กิโลกรัม หากมอบให้คนระดับสูง ก็ต้องมอบให้ 4 ห่อ รองลงมา 2 ห่อหรือ 1 ห่อ ให้ลดหลั่นกันไปด้วย ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดเวลามอบของขวัญให้คนระดับสูงของจีน จะต้องเน้นความสำคัญที่หีบห่อด้วย ไม่ใช่ใส่กล่องอะไรก็ได้ไปให้ แต่กล่องจะต้องดูดี จนบางครั้งมีคำกล่าวว่าค่าหีบห่อแพงกว่าของข้างในก็มี เช่นอาจจะใช้กล่องกำมะหยี่ที่ดูหรูหรา ของขวัญที่ให้ก็จะดูเป็นของมีค่า มีราคา ของขวัญของคนจีนที่นิยมให้ Li Renliang ผู้เชี่ยวชาญภาษาและวัฒนธรรมไทย-จีน และฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่าในธรรมเนียมจีนนั้น ส่วนใหญ่ถ้าเป็นคนจีนกับคนจีน โดยเด็กจะนำของขวัญไปให้ผู้ใหญ่ หากผู้ใหญ่เป็นผู้หญิงมักจะนิยมมอบเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ เช่น พุทรา หรือลำไยอบแห้ง แต่หากผู้ใหญ่เป็นผู้ชายมักนิยมมอบเหล้า หรือบุหรี่ให้ หากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นครูอาจารย์ มักนิยมมอบของขวัญประเภท ใบชาชั้นดีให้แก่กัน มักนำชาที่มีชื่อเสียงของจีนมอบให้แก่กัน ได้แก่ ชาผูเอ่อ ของมณฑลยูนนาน,ชาอู่หลงจากฮกเกี๊ยน หรือชาหลงจิงของหังโจว หรือมักจะให้เป็นเหล้าดีๆ หากมีโอกาสไปต่างประเทศมา หากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นข้าราชการ คนจีนจะนิยมมอบโสมให้ และโสมสามารถมอบให้ได้กับคนทุกระดับ หรือสามารถมอบหัตถกรรมพื้นบ้านก็ได้เช่นกัน เช่นที่เสฉวนจะมีใบไผ่จักสานชื่อดังที่สามารถนำมาตั้งโชว์ได้ หรือไม่ก็มอบใบชาชื่อดังให้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ถ้าคนให้เป็นคนในเสฉวน หรือทิเบต ยังนิยมมอบ สำหรับนักธุรกิจ ส่วนใหญ่มักนิยมชวนไปรับประทานอาหารร่วมกันหรือไปคาราโอเกะมากกว่าการให้ของขวัญแก่กัน แต่ถ้าจะให้ก็นิยมให้นาฬิกาข้อมือแก่กัน แต่ต้องเป็นแบรนด์ดังๆ ของต่างประเทศ ส่วนคนต่างประเทศ เช่น ข้าราชการไทยไปจีน คนจีนจะนิยมมอบของ 3 ชนิดได้แก่ ใบชาชื่อดังของจีน ภาพเขียนภาพวาดของจีน และผ้าไหมปัก 2 หน้า โดยภาพเขียนภาพวาดของจีน มักนิยมมอบภาพต่างๆ ที่มีความหมายดี เช่น ดอกโบตั๋น หมายถึงความร่ำรวย,ม้า 6 ตัวหรือ 8 ตัว หมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน,ปลา หมายถึงเหลือกินเหลือใช้,ไผ่ หมายถึงความซื่อสัตว์สุจริต,ดอกเหมยหมายถึงความอดทนเข้มแข็ง หรือหมีแพนด้า หมายถึงประเทศจีน นอกจากนั้นก็จะเป็นภาพบุคคลสำคัญๆของจีนที่นิยมมอบให้แก่กันด้วย ส่วนผ้าไหมปัก 2 หน้า ถือเป็นงานศิลปหัตถกรรมจีนที่ทรงคุณค่ามาก มักนิยมปักเป็นรูปต่างๆ กันตามความหมายที่ดีๆ โดยผ้าไหมปัก 2 หน้าที่ขึ้นชื่อของจีนมีอยู่ 4 แหล่งได้แก่ ที่กวางโจว,เสฉวน,ซูโจว และหูหนาน 4 ของขวัญต้องห้าม อย่างไรก็ดี สำหรับของขวัญที่คนจีนไม่นิยมมอบให้แก่กันก็มี 4 ประเภท ได้แก่ นาฬิกาตั้งโต๊ะ หรือนาฬิกาแขวน ที่เรียกเป็นภาษาจีนว่า 'จง' ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าการสิ้นสุด หรือตาย ไม่นิยมมอบให้แก่กันเพราะความหมายไม่ดี ส่วนนาฬิกาข้อมือเรียกว่า 'เปี่ยว' เป็นคนละความหมายกัน สามารถมอบให้แก่กันได้ ร่ม หากเป็นความหมายแบบไทย จะหมายถึงความร่มเย็นที่ดี แต่ในภาษาจีนนั้น ร่มจะพ้องเสียงกับคำว่า 'ส่าน' แปลว่า การเลิกรา หรือแตกแยก เป็นความหมายไม่ดี มีด หรือของมีคมต่างๆ ถือว่าเป็นอาวุธที่ไม่นิยมมอบให้แก่กันด้วย เพราะไม่เป็นมงคล สุดท้ายคือ ผ้าเช็ดหน้า จะไม่มอบให้แก่กันเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีเรื่องต้องเสียใจ ดังนั้นหากต้องการปลูกสัมพันธ์ไมตรีอย่างต่อเนื่องจึงควรเลือกของขวัญและของมงคลที่กล่าวมาแล้วรวมทั้งต้องไม่นำของต้องห้ามไปมอบให้กับอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ได้
| http://www.khum.net/news-read/1182885 |
Windows Live™: Keep your life in sync.
Check it out.
ขอบคุณคะมีประโยช์มาก
ตอบลบ