การเมือง...ศัตรูตลาดข้าว |
| รายงานโดย :ทีมข่าวพาณิชย์: | วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 |
และผลขาดทุนจากการขายครั้งนี้ รัฐจะเข้าเนื้อไปอีกเท่าไร ถ้าฟังจากเอกชนในวงการค้าข้าวช่วยกันประเมินคร่าวๆ ไว้ก่อนหน้านี้ รัฐน่าจะขาดทุนไม่น้อยกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท
เพราะดูแล้วการเสนอซื้อข้าวสต๊อกรัฐครั้งนี้ เอกชนซึ่งคงจะต้องพุ่งเป้าไปที่ผู้ค้ารายใหญ่ 6-7 บริษัท
ในจำนวนนี้มีอยู่ 1 บริษัท ที่คนวงในเขาขนานนามให้เป็นนอมินีของอดีตบริษัทค้าข้าวยักษ์ใหญ่ ที่ถูกฟ้องร้องเบี้ยวจ่ายค่าข้าวรัฐอยู่ในตอนนี้ คงให้ราคาเฉลี่ยไม่เกินตันละ 1.1-1.2 หมื่นบาท หรือต่ำกว่าราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 1.6 หมื่นบาท และต่ำกว่าต้นทุนรับจำนำ (แปรสภาพเป็นข้าวสาร) เฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 2.3-2.4 หมื่นบาท
นับเป็นความสูญเสียที่สร้างความเสียหายอย่างน่าเสียดาย จากการที่งบประมาณของชาติถูกผลาญด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ เพียงเพราะการหวังผลจากคะแนนเสียงของเกษตรกรในการเลือกตั้งครั้งหน้า
การเปิดโครงการรับจำนำข้าวโดยตั้งราคาจำนำไว้สูงกว่าราคาตลาดเกินความเป็นจริง ทำให้สต๊อกข้าวของรัฐในเวลานี้มีจำนวนมากกว่า 4 ล้านตันเลยทีเดียว
ยังไม่นับรวมข้าวที่จะได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ที่กำลังจะมีผลผลิตตามเข้ามาสมทบอีก 2.5 ล้านตัน และข้าวจากโครงการรับจำนำนาปี ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงในเดือนพ.ย.นี้
ปริมาณข้าวที่สั่งสมเพิ่มขึ้นทุกวัน กดดันให้รัฐจำเป็นต้องเร่งระบายข้าวออกจากสต๊อกอย่างเร่งด่วน เพื่อลดปัญหาสต๊อกล้นโกดังจัดเก็บ ลดค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการ ที่มีทั้งค่าเช่าโกดัง ค่าเก็บรักษาคุณภาพข้าว ค่าดอกเบี้ย ที่แต่ละเดือนรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
อีกเหตุผลสำคัญก็คือ การหาเงินมาหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเพิ่ม เพราะฐานะรัฐในขณะนี้อยู่ในสภาพถังแตกโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังดันทุรังจำนำในราคาสูงกว่าตลาดต่อไป เพื่อเอาใจเกษตรกร
ผลต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจากการหวังผลทางการเมือง นอกจากงบประมาณที่ถูกผลาญไปแล้ว ยังสร้างปัญหาใหญ่ให้วงการข้าวไทยในตลาดต่างประเทศ โดยปราศจากความรับผิดชอบจากรัฐ
ทุกวันนี้ต่างชาติจับทางตลาดข้าวไทยได้สบาย ทั้งที่ไทยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก แต่ไม่สามารถสร้างอำนาจต่อรองในเรื่องราคาขายได้เลย
ต่างชาติรู้อยู่แล้วว่าไม่จำเป็นต้องรีบซื้อ หากยังต่อรองราคาในตลาดปกติไม่ได้ราคาที่พึงพอใจ หรือพูดให้ชัดก็คือ ยังได้ราคาถูกไม่หน่ำใจ สามารถรอคอยข้าวจากสต๊อกรัฐได้อีกทาง แม้จะไม่มีสิทธิเข้าไปเสนอซื้อได้โดยตรงกับรัฐบาลไทยก็ตาม
แต่ก็ไม่ยากที่จะรอซื้อจากผู้ชนะประมูล ซึ่งได้ข้าวมาด้วยต้นทุนที่ต่ำมากอยู่แล้ว ยืนยันได้จากทุกครั้งที่รัฐเปิดประมูล ไม่มีครั้งไหนที่เอกชนประมูลแล้วให้ราคาสูง
เพราะสภาพรัฐนั้นถ้ารู้จักยอมรับความจริง ก็จะพบว่าไม่มีอำนาจต่อรองที่จะไปหวังว่า จะได้ราคาประมูลสูงกว่าราคารับจำนำ หรือแค่หวังว่าจะได้ราคาเทียบเท่ากับราคาจำนำยังห่างไกลเกินเอื้อมด้วยซ้ำ
นโยบายจำนำของรัฐในตอนนี้ยิ่งทำก็ยิ่งแย่ แย่ลงทุกที แย่ทั้งจากภาพลักษณ์เดิมๆ ของการหวังผลทางการเมือง ความโปร่งใสในโครงการรับจำนำ การถูกกังขาถึงการเอื้อประโยชน์ต่อการเปิดประมูลทุกรอบต่อผู้เข้าประมูลเฉพาะกลุ่มที่มีทุนหนา
ซ้ำร้ายยังทำให้คนไทยทั้งประเทศบริโภคข้าวแพงกว่าต่างชาติที่รอกว้านซื้อของถูกจากพ่อค้าไทยไป
น่าเจ็บใจไม่น้อยที่เราอยู่ในประเทศผู้ผลิต และผู้ขายเบอร์ 1 ของโลก ต้องย้ำอีกทีว่าเบอร์ 1 ของโลก แต่คนไทยต้องซื้อข้าวแพงกว่าประเทศที่ไม่ได้ปลูก ไม่มีแม้แต่ข้าวจะขาย ต้องมาสั่งซื้อจากไทย
แปลกเหลือเชื่อ!! เปลี่ยนแกนนำรัฐบาลแล้วก็ยังคิดไม่ได้ บริหารข้าวไม่เป็น...
http://www.posttoday.com/business.php?id=45735
Hotmail® goes with you. Get it on your BlackBerry or iPhone.



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น