วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ค่ำคืนมิตรภาพเพื่อนบ้านลุ่มน้ำโขง/สัญจร

ค่ำคืนมิตรภาพเพื่อนบ้านลุ่มน้ำโขง/สัญจร
ข่าววันที่ 2 พฤษภาคม 2552 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ

สัญจร

เนติ โชติช่วงนิธิ

 

ค่ำคืนมิตรภาพ

เพื่อนบ้านลุ่มน้ำโขง

 

สิบสองวันเมื่อแปดปีก่อน ผมใช้ชีวิตกินนอนและเดินไปบนถนนยางมะตอย บางช่วงร่องรอยของผิวถนนเป็นหลุมบ่อ ก้อนกรวดและเม็ดหินหลุดกร่อนจากน้ำมันยางมะตอย บอกถึงสภาพอายุการใช้งานถนนเส้นนี้ไม่ค่อยได้รับการซ่อมแซมพื้นผิวถนน

แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระของผมและคนอื่นๆ ในคราบนักท่องเที่ยวมาเป็นตัวขวางกั้นที่สองเท้าเดินย่ำไปบนถนน เพื่อชมวัดวาอาราม กำแพงเตี้ยๆ น้อยๆ เป็นแนวเขตวัดติดวัด และชมบ้านหลังน้อยๆ ที่ยกพื้นเรือนสูงแบบลาว กับอาคารปูนสไตล์โคโลเนียล มรดกของฝรั่งเศส และเดินเข้าตรอกซอยเพื่อตัดทะลุไปยังตลาดสด

ดินแดนนี้ก็คือหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกที่นักท่องเที่ยวในคราบแบกเป้ใฝ่ฝันอยากไปหลับนอนสักครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือไปจากวังเวียง และเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ผมกับเพื่อนชายท่องไป และหลับนอนในเกสต์เฮ้าส์ราคาถูก แต่อบอุ่นด้วยมิตรภาพและรอยยิ้มของคนท้องถิ่น

            สองปีถัดมา ผมกับเพื่อนหญิงท่องไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่สภาพเมืองหลวงเพิ่งฟื้นไข้จากสงครามเขมร 3 ฝ่าย ผมกับเพื่อนได้รับเกรียติจากเจ้าของสายการบินภายในประเทศเชื้อเชิญให้นั่งเครื่องบิน บินจากกรุงพนมเปญผ่านโตนเลสาบลงเมืองเสียมราษฎร์ ชมนครวัดนครธม หลับนอนหนึ่งคืนแล้วก็นั่งเครื่องกลับมาลงพนมเปญ นอนโรงแรมหรู มีคาสิโนไว้คอยบริการ

            มิตรภาพและรอยยิ้มของผู้คนเขมรในเมืองเสียมราษฎร์ยังมิเลือนหาย สองปีต่อมาผมก็ไปเยือนนครวัดนครธมอีกครั้ง ด้วยเส้นทางถนนจากปอยเปตสู่เมืองเสียมราษฎร์

            ในขณะที่หลายเที่ยวของการเดินทางไม่รู้จบ ตามหัวเมืองต่างๆ และชายขอบฝั่งแม่น้ำโขงบนแผ่นดินแม่ เมื่อรวมความเหตุผลการเดินทางของผมในรูปแบบแตกต่างกันออกไป นั่งรถ ลงเรือ ขึ้นเครื่องบิน ด้านหนึ่งคือสัมผัสสังคมวัฒนธรรมของคนย่านถิ่น โดยไม่ลืมบันทึกภาพถ่าย เพื่อเก็บมานำเสนอหรือเพื่อบันทึกการเดิน ทาง กับสิ่งที่ได้ติดตัวมาอยู่เสมอนั่นคือมิตรภาพและรอยยิ้ม

ในมิตรภาพนั้นมักจะเรียกร้องให้ผมกลับไปหาอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่รู้ว่าวันใด

            ถึงอย่างนั้นก็ตามที ผมก็อิ่มเอิบกับค่ำคืนมิตรภาพ(9 เม.ย.52) ด้วยเสียงเพลงของเพื่อนบ้านลุ่มน้ำโขง นั่นคือการแสดงทางวัฒนธรรมของ "คอนเสิร์ตไตรภาคี ดินแดนแห่งอารยธรรมนำสันติสุข"  3 ประเทศ กัมพู ชา ลาว และไทย จัดโดย คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม ที่หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

วันนั้น ทั้งความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ ทั้งลมและฝนกระหน่ำมาแต่หัวเย็นจนค่ำ แต่คอนเสิร์ตก็อบอุ่นไปด้วยบรรยากาศผู้คนร่วมพันคน ที่ตั้งใจมาฟังเสียงเพลงและการแสดงศิลปวัฒนธรรม เริ่มต้นด้วยบรรเลงเพลงเมดเลย์ 3 ประเทศของวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร ตามด้วยเสียงแซ็กโซโฟน เทวัญ ทรัพย์แสนยากร ที่สะกดคนดูให้เคลิ้มไปกับเสียงแซกโซโฟน

บทเพลงอัปสราของนักร้องหนุ่มสาวเขมร ประกอบท่วงท่ารำจีบ ตามด้วยเพลงเย็นสบายชาวนา กุ หลาบปากซัน ฯลฯ จากนักร้องสาวลาว ด้วยชุดแต่งกายประจำชาติ และเพลงส้มตำ บทเพลงพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขับร้องโดย คุณสุนารี ราชสีมา และบทเพลงอื่นๆ ผ่านนักร้องไทยหลายท่าน

คอนเสิร์ตไตรภาคีของค่ำคืนนั้นจบด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ

 
  รูปประกอบข่าว
http://www.siamrath.co.th/uifont/NewsDetail.aspx?cid=69&nid=37278


Hotmail® has a new way to see what's up with your friends. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น