|
เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีต่อการจากไปของปุ๋ย-นันทโชติ ชัยรัตน์ (อีกหนึ่งนักต่อสู้เพื่อคนจน) และลูกชาย ลำน้ำ-เด็กชายไกรพล ชัยรัตน์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ทางครอบครัวชัยรัตน์และพี่น้องสมัชชาคนจนเขื่อนหัวนา เขื่อนราษีไศล จึงได้จัดงาน "ปุ๋ย ลำน้ำ สืบจิตใจการต่อสู้เพื่อคนจน" เมื่อวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2552 ณ วัดใต้ บ้านใหญ่ ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เพื่ออุทิศแผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับและให้ผู้ที่ยังอยู่ได้สืบสานเจตนารมณ์ในการทำงานเพื่อสังคม งานนี้นอกจากชาวบ้านสมัชชาคนจนจากหลากหลายพื้นที่ของอีสาน ไม่ว่า เขื่อนหัวนา เขื่อนราษีไศล เขื่อนปากมูน เขื่อนสิรินธร เขื่อนห้วยละห้า และพื้นที่อื่นๆ อีกหลายแห่งที่พร้อมใจกันมาด้วยความรำลึกถึงหัวหน้าปุ๋ยแล้ว นักวิชาการและเพื่อนพ้องน้องพี่ของปุ๋ยก็มาร่วมงานกันไม่น้อย ดังนั้น เวทีเสวนาไม่ว่า หัวข้อ "รำลึกเจตนารมณ์ นันทโชติ ชัยรัตน์" และ "ทิศทางขบวนการประชาชน" จึงนับว่าได้น้ำได้เนื้อกันทีเดียว โดยเฉพาะประเด็นหลังที่หลีกเลี่ยงการไม่พูดถึงบรรยากาศทางการเมืองตอนนี้ไม่ได้ ผู้ร่วมเสวนา "ทิศทางขบวนการประชาชน" ได้แก่ สุนี ไชยรส อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ผู้ก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้านล้านนา วีรพล โสภา ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน พฤกษ์ เถาถวิล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สุนี ไชยรส ซึ่งได้สรุปถึงภาพการชุมนุมในปัจจุบันนี้ว่า เป็นเรื่องที่ทำให้คนส่วนใหญ่สังคมเข้าใจได้ว่าเป็นสิทธิของคนไทยและกลายเป็นเรื่องอันชอบธรรมที่จะชุมนุม ทั้งนี้เป็นผลมาจากการต่อสู้ของสมัชชาคนจนในสิบกว่าปีที่ผ่านมา การชุมนุมอย่างสงบ สมัชชาคนจนเป็นคนสร้างขึ้น จึงทำให้การเมืองภาคประชาชนเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับ การเดินขบวนไม่ใช่เรื่องแปลกและถูกรังเกียจอีกต่อไป ทุกวันนี้ประชาชนรู้จักสิทธิของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าสิทธิชุมชน สิทธิในการจัดการน้ำ จัดการทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งต้องขอบคุณคนราษีไศล คนปากมูน และคนจนอีกหลายๆ พื้นที่ ที่สร้างรากฐานตรงนี้ ทิศทางภาคประชาชนที่ต้องดำเนินต่อไป แต่เราต้องคัดค้านการออก พ.ร.บ.การชุมนุม เพราะสิทธิยังเป็นของทุกคน ทุกคนต้องมีสิทธิชุมนุม ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบัน สุนีเสนอว่า คนจนจะต้องไม่เลือกข้างไม่ว่าจะเป็นเหลืองหรือแดง เพราะการเลือกข้างจะนำไปสู่การเผชิญหน้าและความรุนแรง ไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน ได้สรุปสภาพการเมืองไทยที่มีเรื่องใหญ่ๆ ตอนนี้สองเรื่องคือ หนึ่ง พิษเศรษฐกิจที่รุนแรง และ สอง วิกฤติการเมืองโดยเฉพาะเรื่องเสื้อสี สภาพวิกฤติเศรษฐกิจที่ตอนนี้คนตกงานล้านห้าแสนคนเข้าแล้วกับการต่อสู้ทางการเมืองของสองสี ทำให้การต่อสู้ของพี่น้องคนจนที่ได้รับปัญหาจริงๆ ถูกกลบไป ปัญหาของพี่น้องได้รับการแก้ไขน้อยมาก ซึ่งสภาพเช่นนี้ก็ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไหร่ แต่ในอีกด้านหนึ่งผลพวงที่เกิดขึ้นก็คือ ประชาชนมีการตื่นตัวทางการเมืองสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันความเกลียดชังก็ฝังรากลึกเพราะสื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเกลียดชัง การเมืองแบบนี้แหละที่ก่อให้เกิดความรุนแรงง่ายมาก เพราะเป็นการต่อสู้ที่ต้องการอำนาจรัฐ คนสู้ไม่สนใจวิธีการ คิดแต่จะเอาชนะให้ได้ ถามว่า การเมืองภาคประชาชนอยู่ตรงไหน? การเมืองภาคประชาชนที่สมัชชาคนจนเคยทำมาทำให้เห็นชัดเจนว่า นั่นแหละคือการเมืองภาคประชาชน สมัชชาคนจนได้ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประประชาชนโดยขอจัดการทรัพยากรด้วยตัวเอง แย่งอำนาจจากรัฐมาจัดการเอง โดยเชื่อว่าจะทำให้ประโยชน์ในการใช้ทรัพยากรถึงมือประชาชนจริงๆ สมัชชาคนจนช่วยกำหนดแผนพัฒนาฯ ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนสมัชชาคนจนทำให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลโครงการต่างๆ อย่างปัญหาบางสะพาน พวกเขาทำให้เห็นแล้วว่าคนบางสะพานเลือกมะพร้าวมากกว่าเหล็กต้นน้ำ สร้างประชาธิปไตยที่กินได้จริงๆ ขณะที่การเมืองสีเหลืองสีแดงไม่ได้ตอบการเมืองภาคประชาชน แก้ปัญหาประชาชนไม่ได้ การเมืองสองขั้วเป็นการเมืองตอบสนองของทุน ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ผู้ก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้านล้านนา ก็ย้ำถึงปัญหาทุนนิยมอย่างลงลึกมากขึ้นด้วยการเจาะจงถึงปัญหาของสังคมทุกวันนี้ว่ามีรากเหง้ามาจากปัญหาของกลุ่มทุนนิยมสองกลุ่มที่ขัดแย้งผลประโยชน์กัน โดยชัชวาลย์ ทองดีเลิศ มองว่า ไม่ว่าปัญหาเรื่องเขื่อน ปัญหาที่ดิน มันมาจากปัญหาการตอบสนองทุนนิยมที่ต้องการเติบโตมากกว่านั้น อย่างเรื่องน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม ระเบิดแก่งน้ำโขง การทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่บันยะบันยัง ไม่สนใจเสียงของคนที่เดือดร้อน นั่นเป็นเพราะทุนนิยม เพราะทุนคิดว่าทรัพยากรเป็นเงิน น้ำเป็นเงิน ดินเป็นเงิน แต่เขาไม่ได้คิดเรื่องชีวิต ดังนั้น ก่อนจะพูดถึงปัญหาเสื้อสี ก็อยากให้เข้าใจว่า แท้จริงศัตรูของเราคืออะไร เราควรสู้กับอะไร อย่างการแข่งขันเสรีซึ่งต้องการให้คนแข่งกันเป็นที่ 1 2 3 มันยิ่งเป็นการกระตุ้นการบริโภคนิยม ในทีวีมีแต่โฆษณา ตามถนนหนทางกลายมีแต่ป้ายโฆษณาเต็มไปหมด มันทำให้ทุกคนต้องหาเงินเพื่อมาซื้อของอย่างเดียว ถึงเราจะค้านเขื่อน แต่เราก็ยังอาจจะตกเป็นทาสของทุนนิยมอยู่ดี ถ้าเรายังใช้การเกษตรเคมี ลูกเรายังอยากได้โน่นได้นี่เลียนแบบโฆษณา จึงอยากให้พวกเราเท่าทันและเอาจุดนี้ขึ้นมาสู้ ยกตัวอย่างอย่างที่คนที่เขาอยู่กับป่า เขาพยายามต่อสู้เรื่องการจัดการป่าชุมชนเพื่อเป็นการยืนยันว่าเราไม่เอาทุนนิยม ถ้าเพียงแต่เรามีป่าเราก็อยู่ได้โดยไม่พึ่งเงิน "การต่อสู้ของพี่น้องคนจนมากมายหลายพื้นที่ไม่ว่าเรื่องเขื่อน หรือเรื่องป่า มันเป็นการบอกกับสังคมว่าเราไม่เอาทุนนิยม" นักพัฒนาอาวุโสจากทางภาคเหนือเสนอให้ฉวยโอกาสช่วงที่มีความขัดเเย้งทางการเมืองอยู่นี้ เร่งสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรชุมชน ............................................................ หมายเหตุ : โปรดติดตาม | ||
|
Hotmail® has ever-growing storage! Don't worry about storage limits. Check it out.





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น