วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยกฟ้องเจ้าของเงิน 30 ล.ซุกท่อพีวีซี

ยกฟ้องเจ้าของเงิน 30 ล.ซุกท่อพีวีซี

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 19:11
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเจ้าของเงิน30ล้านซุกท่อพีวีซีคดีค้ายาบ้า2แสนเม็ดนราฯ

ที่ศาลอาญา ห้องพิจารณาคดี 905 วันนี้ ศาลได้ออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ ย.3866/2548 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายชัยณรงค์ แก้วประสิทธิ์,นายสุทรรศน์ อาแซ,นายทรงศักดิ์ น้อยสร้าง และนายกิตติศักดิ์ ดอรอเอ็งเป็นจำเลยที่ 1 – 4 ในความผิดฐานร่วมกันสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
          
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่าง ส.ค.48 – 13 ก.ย. 48 จำเลยทั้งสี่สมคบกันเพื่อค้ายาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด โดยจำเลยที่ 4 เป็นผู้นำเงินให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดต่อจำเลยที่ 1 และ2 ให้ไปซื้อยาบ้าที่จังหวัดเชียงรายในราคา 4 ล้านบาท เพื่อนำมาให้จำเลยที่ 4 ที่จ.นราธิวาส คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยที่1ตลอดชีวิต ขณะที่จำเลยที่ 2,3 และ 4 ลงโทษประหารชีวิต และให้ปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 4,000 บาท ฐานมีวิทยุสื่อสารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ และจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีตำรวจชุดจับกุมเบิกความเป็นพยานว่า หลังสายลับมีรายงานว่า จะมีการขนยาเสพติดจากทางภาคเหนือ ลงไปยังภาคใต้ จึงได้ตั้งด่านตรวจค้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อพบรถกระบะต้องสงสัยตามที่ได้รายงานมา จึงเข้าตรวจค้น พบจำเลยที่ 1 เป็นคนขับ และยาบ้าจำนวน 198,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องลำโพง ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์ของจำเลยที่ 2 โทรศัพท์เข้ามือถือจำเลยที่ 1 เพื่อแจ้งว่ามีด่านเจ้าหน้าที่สกัดอยู่ ซึ่งขณะนั้นทราบว่าจำเลยที่ 2 กำลังขับรถกลับไปยังเส้นทางจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานกำลังกันเข้าจับกุมจำเลยที่ 2 ไว้ได้ ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพว่าว่า ได้รับการว่าจ้างจากจำเลยที่ 3 โดยมีจำเลยที่ 4 เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งสุไหงปาดี เป็นนายทุนให้เงินไปซื้อยาเสพติดดังกล่าว เห็นว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ แม้ภายหลังจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ว่าถูกซ้อมให้รับสารภาพ แต่เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆเท่านั้น แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภเป็นประโยชน์ เห็นสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในประเด็นนี้ฟังขึ้น
          
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า จำเลยที่ 3 และ 4 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ให้การซัดทอดจำเลยที่ 3 และ 4 นั้นต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีหลักฐานโทรศัพท์มือถือการติดต่อกันระหว่างจำเลยที่ 2 และ 3 นั้น แต่หลักฐานดังกล่าวยังไม่พอจะรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 และ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิด ตามฟ้อง ประกอบกับจำเลยที่ 3 และ 4 ให้การปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 3 และ 4 กระทำผิดตามฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย
          
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อหน่าย ลงโทษประหารชีวิต คำให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ตลอดชีวิต และให้ปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 4,000 บาท ฐานมีวิทยุสื่อสารในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขณะที่คำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 1 นั้นศาลไม่ได้อ่านถึงแต่อย่างใด เนื่องจากต้องให้จำเลยที่ 1 ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำจังหวัดสงขลาฟังภายหลัง




Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น